กลอุบายของมาร และธรรมชาติของเนื้อหนัง-2 Tricks of The Evil

 ในการต่อสู้ทุกอย่างผู้เข้าร่วมทำสงครามต้องรู้ ยุทธวิธีในการรบ  การที่จะสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ต้องอาศัยการศึกษายุทธอุบายของฝ่ายตรง ข้ามเมื่อเรารู้แล้ว เราก็จะสามารถวางแผนการรบได้อย่างมีชัยชนะ เรียกว่า รู้เขารู้เรา

ยุทธวิธีพื้นฐานที่มนุษย์ในการทำลายกันมารก็ใช้เดียวกันนี้จัดการกับคริสเตียนทุกยุคทุกสมัย


1. การหลอกให้คริสตจักรเข้าใจว่าไม่มีฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์อีกแล้
           ซาตานใช้อุบายหลอกลวงว่า ปัจจุบันนี้ไม่มีฤทธิอำนาจในการอัศจรรย์ในผู้เชื่ออีกแล้ว
คริสเตียนจำนวนเป็นล้านๆ คนนับถือพระเยซูคริสต์เป็นเพียงศาสนา และที่พึ่งทางใจ เหมือนกับคนที่นับถือศาสนาที่พระเจ้าเป็นเพียงสิ่งที่มือมนุษย์สร้างขึ้น เป็นวิญญาณทั่วไป เป็นเจ้า เป็นเทพ หรือวิญญาณเร่ร่อน ไร้ที่อยู่  บางคนเป็นคริสเตียนมาตลอดชีวิตไม่เคยคิดเลยว่า การเป็นคริสเตียนคือการเข้าสู้สงครามแห่งวิญญาณ คือต้องเข้าร่วมในการต่อสู้ทางวิญญาณกับเหล่าวิญญาณร้าย นานาชนิด ทั้งผีไทย ผีจีน ผีสิงคโปร์ ผีอินเดีย ผีเนบาล และผีท้องถิ่นไทยอีกเป็นสิบๆ ๆชนิด

คริสเตียนจำนวนมากมีความเข้าใจไม่มากนักเกี่ยวกับการอธิษฐานวางมือรักษาโรค  เขาหลายคนไม่เคยคิดว่าพระเยซูยังรักษาโรคให้กับตนเองได้  หรือยิ่งกว่านี้พวกเขาสามารถอธิษฐานอวยพรให้คนหายป่วยหายไข้ได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อพวกเขาเจ็บป่วยพวกเขาแสวงหาการช่วยเหลือจากพวกหมอดู  พวกทรงเจ้า การดูฤกษ์ยาม  และคนทรงมากกว่าการพึ่งพาคนของพระเจ้า  ผู้เชื่อเหล่านี้รู้สึกหมดหวัง ไร้ที่พึ่งจึงต้องไปหาสิ่งอื่นก่อน เพราะคนของพระเจ้าจำนวนหนึ่งมีดีแค่คำสอนทางศาสนาที่ลึกล้ำ  แต่มีการทรงสถิตของพระเจ้าในชีวิตพวกเขาเพียงเล็กน้อย ไม่มากพอที่จะทำการอัศจรรย์ หรืออธิษฐานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ คริสเตียนจึงถูกหลอกให้เข้าใจว่า ฤทธิอำนาจในการรักษาโรคของผู้เชื่อหายไปแล้วตั้งแต่ 2000 ปีก่อน บางคนได้รับความรู้อย่างผิดๆ เกิดความเชื่อว่าฤทธิ์อำนาจในสมัยเริ่มแรกนั้นเพื่อการตั้งคริสตจักรแรกเมื่อสองพันปีก่อนที่ผ่านแล้วเท่านั้น


2. หลอกให้แตกความสามัคคีกัน แย่งกันเป็นใหญ่ แย่งผลงาน เกียรติและศักดิ์ศรี
         ซาตานจะหัวเราะจนฟันมันปลอมแทบจะหลุด  เมื่อมันเห็นคริสเตียนทะเลาะกัน แย่งกันเป็นใหญ่ แย่งผลประโยชน์กันภายในคริสตจักร ยุทธวิธีนี้ได้ผลมาตั้งแต่สมัยโบราณ คือการให้ขนมหวานและผลประโยชน์แก่คนภายใน เพื่อให้ทรยศต่อองค์กรด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว คนจะทำดีต่อกันเมื่อมีการประสานประโยชน์กันอย่างลงตัว แต่เมื่อใดที่รู้สึกว่า "ไม่เป็นธรรม" "ทำไมเราไม่ได้เท่าเขา" คริสเตียนที่อ่อนแอทางความเชื่อจะเริ่มแตกความสามัคคี และแยกวง  พยายามกดดันให้ผลประโยชน์ลงตัว


มีหลายๆ ครั้งเราพบว่า แม้แต่การแจกของขวัญในวันคริสต์มาส หากมีบางคนที่ไม่ได้รับของขวัญที่ทางคริสตจักรทำแจกสำหรับสมาชิกทุกคน สมาชิกบางคนจะงอนและไม่ไปโบสถ์  บางคนจะไม่มาโบสถ์และใส่เกียร์ถอยจากความเชื่อและการสามัคคีธรรมไปเลย  ผู้นำต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยในการปลอบประโลมให้กลับเข้ามานั่งฟังคำสอนในโบสถ์อีกครั้ง


ในจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน มีคณะผู้ประกาศจากเมืองนอกมาเยี่ยมเยียนและฟื้นฟูจิตวิญญาณของผู้เชื่อคริสเตียนในจังหวัดนี้ การฟื้นฟูจัดอย่างยิ่งใหญ่ในโรงเรียนหรูระดับ 4 ดาว คณะผู้ประสานงานร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดีเหมือนที่เคยช่วยกันมา ไม่ว่าจะเป็นการประกาศกลางแจ้ง การประชุมรักษาโรคด้วยฤทธิเดชการอัศจรรย์ในพระนามพระเยซู  ในครั้งนี้เป็นการฟื้นฟูที่นับว่าใหญ่ไม่เบา เพราะคณะที่มามีของประทานแห่งพระวิญญาณในการเทศนาอย่างมาก

คริสเตียนทุกคณะ ทุกคริสตจักรที่เข้าร่วมได้รับการฟื้นฟูจิตใจอย่างมาก  แต่หลังจากการเสร็จงาน  ปรากฎว่าคณะผู้จัดงานที่มาจากหลายคณะได้รับมอบถวาย "วัตถุ" ที่มีค่ามหาศาลในสายตาของผู้รับใช้พระเจ้ายากจนหลายๆ คน คือจากหน่วยข่าวกรองได้รายงานมาว่า  ผู้ที่เป็นผู้ประสานงานหัวแรงใหญ่เกิดผิดพลาดอะไร หรือเข้าใจผิดไปอย่างไรไม่ทราบ  ปรากฎว่าผู้ประสานงาน แบ่งสิ่งของให้เฉพาะกับคนที่ตัวเองเห็นว่าเหมาะสมไป 1 ชิ้น ที่เหลือ 2 ชิ้นตัวเองเอาไว้ใช้เอง  แต่กลุ่มอื่นที่มาร่วมไม่ได้รับ เขาเลยคิดว่าท่านโลภและเห็นแก่ตัวเกินไป ทั้งที่ความจริงเป็นเช่นไรไม่มีใครทราบแน่ชัด 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความบาดหมางอย่างใหญ่หลวงในหมู่นักการศาสนาในจังหวัด ผู้เขียนได้รับทราบจากเพื่อนบางคนบอกว่า บางคนโกรธท่านไปจนตายก็มีและท่านผู้จัดคนนี้ก็ทำหายหน้าไปจากวงการ ไม่ทราบว่ามีการแสดงความเสียใจ มีการขอโทษ  หรือมีการเคลียร์ปัญหากันอย่างไร  เพราะไม่มีใครรู้ความจริง  หลังจากนั้นไม่นานหลายท่านก็มีพันธกิจระดับพออยู่พอกิน แต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสนใจใครมากนัก   ความสามัคคีของคริสตจักรต่างๆ ภายในจังหวัดจึงกลายเป็น "วงแตก" ไม่มีความไว้วางใจกันอย่างจริงใจ และยังไม่มีใครสามารถมาประสานรอยร้าวและความผิดใจกันในครั้งนั้นได้  ต่างคนต่างอยู่ ตัวใครตัวมัน ความสามัคคีจึงมีอยู่บ้างระดับหนึ่งแต่ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนอะไรได้


สิ่งเหล่านี้จึงปรากฏชัดเจนว่า ซาตานจะใช้ "โอกาส " และ "ความโลภ" ความต้องการของเนื้อหนัง" เป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลายและต่อต้านพระคริสต์ได้  เมื่อคริสตจักร ต่างๆ ไม่ชอบใจกัน ไม่สามารถมาอธิษฐานด้วยกัน ไม่สามารถร่วมงานกัน  หรือจัดการนมัสการอธิษฐานเผื่ออำเภอ หรือ จังหวัดด้วยกันได้  คริสตจักรต่างๆ จึงเป็นเหมือนกับ "กองกำลัง" มีการจัดการรบแบบ "โจรป่า" ที่ขาดผู้นำที่เข้มแข็งและทำการรบแบบไม่มียุทธศาสตร์ ตัวใคร ตัวมัน ต่างคนต่างหา "สปอนเซอร์" และ หาประโยชน์จากความใจดีขององค์กรต่างประเทศ ควบคู่กับการรับใช้เพื่อให้อยู่รอดไปวันๆ โดยไม่สามารถคาดหวังอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าที่เป็นอยู่ได้

หลายคริสตจักรจึงทำการงานของพระเจ้าโดยมีจุดประสงค์เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวผู้รับใช้ ความอยู่รอดของคริสตจักร มากกว่าการคาดหวังเพื่อประกาศพระคริสต์เพื่อเข้ายึดครอง ทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด

เมื่อขนาดของคริสตจักรมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาบ้าง  โตพอประมาณ คริสตจักรบางแห่งจะหยุดประกาศ และเริ่มนมัสการพระเจ้าเหมือนเป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่ปรากฎการณ์ด้านฤทธิเดชของพระคริสต์ลดน้อยลงไปทุกที  ไม่มีการหายโรคอย่างชัดเจน การประกาศข่าวประเสริฐกลายเป็นเพียง งานคริสตมาสที่ กินๆ ดื่มๆ สนุกสนานกันไปปีแล้วปีเล่า เป็นเพียงกิจกรรมประจำปี ตรงกันข้ามกับที่นักอธิษฐานวิงวอนระดับโลกที่ได้วางยุทธศาสตร์การรุกของคริสตจักรคาดหวัง หรือวางยุทธวิธีไว้อย่างสิ้นเชิง

3. สร้างความคิดขัดแย้งให้เห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมในการทำพันธกิจของคริสตจักร
กิจกรรมพันธกิจเป็นกิจกรรมที่ต้องเสียสละเหล่า นี้ได้แก่ การถวายสิบลด การอธิษฐาน การเป็นผู้นำ  การออกพื้นที่  การไปเป็นหัวหน้ากลุ่มเซล การเยี่ยมเยียนสมาชิกใหม่


ผู้นำคริสเตีียนที่ ยังอ่อนในเรื่องความเชื่อและเพิ่งบังเกิดใหม่ในพระเจ้าได้ไม่นาน(ยังเป็นทารก) จะบ่นเสมอเมื่อพบว่า การเข้าร่วมทำพันธกิจ การร่วมกิจกรรมเสียสละที่คริสตจักรจัดขึ้น  มีบางคนที่ไม่เข้าร่วมอย่างสม่ำเสมอ บางคนก็มาสายเป็นประจำ บางคนไม่เคยถวายสิบลดทั้งๆ ที่เป็นผู้ปกครอง บางคนเป็นเหรัญญิกหรือเจ้าหน้าที่การเงินของคริสตจักรแต่ก็ไม่ปฎิบัติ การเข้าร่วมทำพันธกิจแม้มีคนที่เข้าร่วมเป็นประจำและสม่ำเสมอถวายสิบลดอย่างจริงจัง แต่เมื่อทำไปนานๆ เขาจะเริ่มสังเกตว่ามีคนบางคน บางกลุ่มไม่ทำ ไม่ถวาย ไม่มาให้เห็นหน้า  พวกเขาจะเริ่มมีปฎิกิริยาทางด้านลบต่อคนเหล่านั้น และจะเริ่มเลียนแบบพฤติกรรม และจะอ้างว่าพวกนั้นไม่ทำเราก็ไม่ทำเหมือนกัน คริสตจักรไม่ใช่ของเราคนเดียว ศิษยาภิบาลก็ไม่เห็นว่าอะไร ความคิดเห็นผิดๆ นี้เมื่อเริ่มขยายตัวอันตรายกำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

ที่ผู้เขียนอยากจะขอโนต๊ไว้ตรงนี่หน่อยก็คือว่า มีคริสตจักรแห่งหนึ่งที่เพิ่งสร้างอาคารนมัสการเสร็จ เป็นอาคารใหญ่โตโอ่อ่ามาก  มีแอร์ มีผ้าม่าน  มีรถยนต์หลายคัน  มีปัจจัยพอสมควร  แถบยังมีทรัพยากรสนับสนุนมากมายเหลือเฟือ  ทั้งอาคาร ที่ดิน และวัสดุสำนักงาน เข้าใจว่าเป็นคริสตจักรรับเงินอุดหนุนจากฝรั่ง เนื่องจากเป็นโบสถ์ทุนหนา  แต่มีสมาชิกที่เป็นญาติมิตร คนงานในสังกัดไม่กี่คน  นักการศาสนาไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน  เมื่อมีคนยื่นความจำนงต้องการย้ายเข้าไปอยู่ในสังกัด เพื่อช่วยกันสร้าง คริสตจักรของพระเจ้าให้มีสง่าราศรี  เพื่อขยายอาณาจักรของพระเจ้า เพื่องานจะได้เติบโตไวๆ

แต่ปรากฎว่า เมื่อมีการเสนอขอไปร่วมด้วย  คำตอบที่ได้รับมักไม่โสภาเลย คำพูดคำแรกที่ นักการศาสนาผู้รับผิดชอบโบสถ์ถามคำแรก ไม่ได้สนใจสอบถามสิ่งที่มนุษย์วิญญาณจะถาม เช่น
"พวกคุณจะมากันกี่คน คุณจะช่วยอะไรคริสตจักรบ้าง คุณมีของประทาน และภาระใจอะไร"

  แต่สิ่งที่เขาถามคือ

"คุณต้องถวายสิบลดให้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ" ถ้าได้ก็มาเลย

อ้าวนี้มันอะไรกัน  คุณไม่หว่าน ไม่ได้รดน้ำ  ไม่ได้พรวนดิน ไม่ได้ใส่ปุ๋ย แต่คุณอยากได้ผลประโยชน์ก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งๆ ที่คุณก็มีฝรั่งเลี้ยงอย่างอิ่มหมีพลีมัน พูดไปพูดมาเลยคุยกันไม่รู้เรื่องเลย

ดังนั้นผมจึงเข้าใจว่า ผลประโยชน์นี้คือ ตัวสร้างปัญหาให้กับชาวคริสต์มากพอสมควร


4. ใช้ลูกศรเพลิงของมาร
ใครที่ว่าแน่ หรือเข้มแข็งแค่ไหน ลองได้โดนลูกศรเพลิงของมารแล้ว ส่วนมากจะใส่เกียร์ว่าง หยุดนิ่งเนื่องจากอาการบาดเจ็บทางอารมณ์  บางคนมีรากขมขื่น กลายเป็นคนขี้โรคเจ็บป่วยเรื้อรัง เป็นโรคร้าย เพราะคิดไม่ถึงว่าแท้จริงคำกล่าวหา คำกล่าวโทษ การด่าว่า ใส่ความ คืออาวุธของมารในการเด็ดหัวผู้่นำคริสเตียน หรือคนที่กำลังรุ่งขึ้นมาในด้านการรับใช้ การใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณ การใช้คำกล่าวหากล่าวโทษนี้จุดประสงค์หลักก็คือ  เพื่อบ่อนทำลายคริสตจักรให้อ่อนแอและไร้เรียวแรงในการทำพันธกิจอย่างเกิดผลเพื่อนำคนบาป คนที่ถูกมารทำร้ายมารับความรอดและ สันติสุขแท้ในพระเยซูเจ้า

คริสเตียนที่เริ่มจะเติบโตกับพระเจ้า เมื่อเริ่มได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลพันธกิจ  หรือกิจการของพระเจ้าในคริสตจักร  เมื่อทำงานอย่างขยันขันแข็งมากขึ้นเขาเริ่มได้รับเสียงชมจากพี่น้องและอาจารย์  เขาเริ่มมีความภาคภูมิใจ  แต่เมื่อมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขาเพียงไม่กี่คนหรือด้วยคำพูดที่โพล่งๆ พล่อยๆ บางคำ เมื่อมีคนปากคันไปเล่าให้เขาฟังหรือเมื่อข่าวในทางไม่ดีมาเข้าหู  เขาจะสะอึกและหยุดกึก และเริ่มใส่เกียร์ว่าง เขาเกิดอาการท้อแท้ เสียศูนย์ เป็นเหมือนนักรบที่บาดเจ็บไม่สามารถเป็นนักรบฝ่ายวิญญาณได้อีกต่อไป ความร้อนรนในการรับใช้เริ่มกลายเป็นความถดถอย และมองหาที่พักมากกว่าจะสวมชุดเกราะออกลุยเหมือนอย่างที่เคย  นี่คือจุดที่คนของพระเจ้าต้องระวังให้ดี มารมันพูดเก่งนะ มันพูดเก่งตั้งแต่สมัยอาดัม คือมนุษย์คนแรกแล้ว  มันพลิ้วลิ้นได้เก่ง บิดเบือนเก่ง เพื่อแยกคนจากพระเจ้า

ซาตาน รู้ว่าเมื่อกองทัพใดทหารเจ็บป่วยมากๆ การรุกไปข้างหน้าแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และซาตานจะไม่ยุ่งกับคริสตจักรที่ไม่ทำการประกาศ เพราะมันเหมือนตายอยู่แล้ว  แม้ว่าคริสตจักรหลายๆ แห่งจะทำการประกาศบ้างเพื่อให้โลกคริสเตียนรู้ว่า คริสตจักรของเราก็ประกาศนะ ในเวลา 1 ปีคริสตจักรจัดให้มีการประกาศพระคริสต์หนึ่งครั้งคือเทศกาลคริสต์มาส  พวกเขาจะใจดีเป็นพิเศษ ยอมทุ่มเงินมหาศาล ทั้งแจก ทั้งกินฟรี ดูโชว์ฟรี แถบได้รางวัลจับฉลากกลับบ้าน บางคนเป็นญาติคริสเตียนรับเชิญมาทุกปี  เป็นสิบๆ ปีแต่ไม่เคยคิดจะกลับใจ เพราะเขาคิดว่าศาสนาไหนก็สอนให้เป็นคนดีเหมือนกัน  เพราะเขาเห็นคริสเตียนกินเหล้าวันคริสต์มาสตามบ้านที่ติดๆ กับโบสถ์ด้วย

อาจารย์เปาโลได้สอนว่า  จงใช้โล่ห์แห่งความเชื่อ เพื่อจะสามารถดับลูกศรเพลิงของพญามารได้
นี่ขนาดไม่ใช่ลูกศรเพลิงของพญามารนะ แต่เป็นแค่ลมปากของคนที่ยอมให้ซาตานใช้ปาก พวกเขาก็เซถลา และล้มป่วย และเลิกทำการงานที่เป็นพันธกิจแห่งความรอดที่เป็นมหาบัญชาของพระคริสต์แล้ว

5. คำเยินยอยกย่องจนเหลิงและเสียคน กลับกลายเป็นความหยิ่งและไม่ฟังเสียงใคร
เมื่อคนรับใช้ที่สัตย์ซื่อเริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ความมั่นใจในตัวเองจะเริ่มสูงขึ้น  ความรู้ทางศาสนศาสตร์เริ่มลึกซึ้ง ผู้นำคริสเตียนหลายๆ คนจะเริ่มหัวแข็ง คอแข็ง หูตึง และยกตัวเองให้สูงกว่าคนอื่น ขาดการถ่อมใจ  เขาจะเริ่มจับผิดคำเทศนาของคนอื่นๆ  ความคิดของเขาจะหักเห  ลงสู่แนวดิ่งเหมือนกับเส้นกราฟทางสถิติที่เมื่อถึงจะสูงสุด  เส้นกราฟจะหันหัวตกลง ตกลง ตกลง ในที่สุดเขาจะหัวทิ่ม พุ่งลงเหมือนเครื่องบินรบโดนยิงด้วยขีปนาวุธที่วิ่งเข้าหาความร้อน ซาตานใช้คำเยินยอปอปัน เพื่อล่อให้เนื้อหนังพองตัว เพื่อรอวันสดุดล้มต่อไป

6. ความสวยงามของเนื้อหนังและความสอดรู้สอดเห็นและ ไม่รู้จักพอ
  2 ซมอ 11.2-4 +
เมื่อกษัตริย์ดาวิดเริ่มเข้าสู่ความยิ่งใหญ่ กลายเป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจวาสนาพระองค์ไม่ได้ออกไปรบอีกต่อไปเพราะกองทัพ ของพระองค์เกรียงไกร มีขุนพลคู่ใจมากมาย จอมกษัตริย์ชอบเดินเล่นในที่ที่ไม่ควรไปจนวันหนึ่งขณะเดินเล่นบนดาดฟ้า  มองเห็นเมียของทหารที่สวยงามผุดผ่อง กำลังอาบน้ำ รูปร่างคงจะสท้านทรวงผู้ชายบางคนมาก  จนพระราชาที่มีนางสนมมากมายอยู่แล้วทนไม่ได้  พระราชาใช้แผนฆ่าผัวทิ้งเพื่อชิงเอาเมียของเขามาเป็นของตน และแล้วพระราชาก็ทำฆาตกรรมอันโหดร้ายจนสำเร็จ

เนื่องการกระทำบาปซ้อนบาป และต่อเนื่อง  เมียทหารที่ไปรบเกิดท้อง  พระราชากลัวว่าเรื่องจะแดงจึงหลอกให้ทหารหนุ่มกลับไปนอนกะเมียที่บ้าน แต่ทหารหนุ่มมีวินัยสูง ไม่ยอมไปนอนที่บ้านกับเมียในขณะที่นายทหารผู้บังคับบัญชาของเขาอยู่ในสนามรบ  พระราชาจึงเอาเหล้ามอมเขาแล้วบอกให้ไปนอนกะเมียที่บ้าน พลทหารคนนี้ถึงเมาก็ยังมีสติ ไม่ยอมไปนอนกะเมียสาว

พระราชาดาวิดจนใจที่จะหลอกล่อ จึงทำวิธีการที่โหดร้ายที่สุด  ด้วยการสั่งให้นายพลคู่ใจส่งทหารที่เกิดมาอาภัพแต่ดันมีภรรยาสวนปานนางฟ้า ไปสู้รบในที่คับขันที่สุด แล้วให้เพื่อนๆ ทหารถอยขณะที่พลทหารคนนี้กำลังต่อสู้ จนเขาถูกฆ่าตาย พร้อมกับเพื่อนทหารบางคนในสนามรบ  ดาวิดให้คนไปรับเอาภรรยาของพลทหารคนนี้มาอยู่ในวัง  ดาวิดจึงได้เมียของทหารคนนี้ไปครอง ต่อมานางกลายเป็นแม่ของพระราชาซาโลมอนผู้เปรื้องปราชญ์ ภายหลังเราพบว่าเนื่องด้วยผลแห่งการกระทำบาปอันน่าละอาย  พระราชาต้องสูญเสียหน้าตา และบาปยังตกไปถึงลูกหลาน หลานชายยังเข้าหานางสนมของพ่อ และลูกที่เกิดจากนางต้องห้ามยังต้องเสียชีวิตไปเมื่อยังวัยเยาว์  ดีที่พระราชากลับใจทันเมื่อมีผู้รับใช้พระเจ้าปากกล้าอย่างนาธันไปเตือนสติ พระองค์
(พระคัมภีร์คริสเตียนบันทึกอย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวว่าศาสนาคริสต์จะเสียหน้า)

7. ประเคนด้วยทรัพย์สมบัติและความหลงไหลในทรัพย์จนลืมเป้าหมายพันธกิจของพระเจ้า

หลายคนที่ทำงานในองค์กรภาครัฐคงทราบดีว่าการโกงใบเสร็จเป็นสิ่งที่เป็น เรื่องธรรมดา บางทีเขาเรียกว่าการซื้อใบเสร็จ  จากประสบการณ์อันยาวนานในแวดวงธุรกิจและราชการเราพบว่า โครงการต่างๆ  จะสำเร็จเรียบร้อยและได้กำไรดี จะต้องมีการซื้อใบเสร็จ  พฤติกรรมการซื้อใบเสร็จ คือการไม่ซื้อของ แต่เอาแต่รายการจ่ายเขียนไว้ในใบเสร็จเท่านั้น  คนพวกนี้ไม่กลัวบาปเพราะเขาไม่รู้จักพระเจ้าและคิดว่าชีวิตมีแค่โลกนี้เท่านั้น  ไม่มีการลงโทษทางวิญญาณ ถึงมีก็ไม่กลัวเพราะเขามีความเชื่ออย่างผิดๆ ว่าบุญมันซื้อได้อยู่แล้ว ใครมีเงินมาก็สามารถไปสวรรค์ได้ขอเพียงทำการกุศลบ้าง

ความน่าอดสูอีกอย่างก็คือ นักการศาสนา นักบริหารโครงการ ที่รับเงินความช่วยเหลือจากการถวายของคนที่ "รักพระเจ้า" จากองค์กรต่างๆ  เพื่องานตามโครงการต่างๆ ของคริสตจักร หรือพันธกิจต่างๆ เงินถวายเหล่านี้ถูกโกงจากผู้ทำโครงการอย่างเงียบๆ  ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีการตรวจสอบ  พวกเขาบางคนโกงกินค่าอาหารเด็กกำพร้า โกงเงินค่าวัสดุภัณฑ์ ค่าน้ำมันรถ เขาโกงด้วยวิธีการที่หน้าอายที่สุดพวกเขาเขียนปลอมลายมือเด็ก เขาเบิกจ่ายเกินจากจำนวนจริง พวกเขายักยอกเพื่อปากท้อง และความโลภ พวกเขาได้เอาพระศิริของพระเจ้าไปแลกกับความเสื่อม รูปเคารพที่พูดไม่ได้ เป็นกระดาษลายสีแดง สีม่วง และสีเทาๆ  ทรัพย์อนิจจัง ของที่บูดเน่า สิ่งที่มดปลวกกินได้ พวกเขายักยอก กิน โกง เหมือนกับผีเปรตในนิยายของชาวโลก น่าละอายจริงๆ

จากประสบการณ์เราพบว่าในอดีตคริสเตียนกลุ่มหนึ่งไม่พอใจที่กลุ่มใหญ่ที่เป็น คริสตจักรแม่ที่เป็นเพียงองค์กรทางศาสนาที่เชื่อเรื่องฤทธิเดชแต่ไม่ค่อยมีฤทธิ์เดช  เน้นพิธีกรรม และระบบการแบ่งสรรอำนาจ การปกครองระบอบผู้ปกครองนิยม  ไม่นิยมการนมัสการการร้องเพลงที่ถึงใจที่เรียกว่า "การนมัสการในวิญญาณ" พวกเขาพากันแยกตัวออกมาตั้งเป็นองค์กรเอกเทศ เรียกชื่อต่างๆ กันไป

จากเหตุนี้ทำให้เกิดความบาดหมางและสร้างรอยร้าว คริสตจักรแตกแยก (ผมเข้าใจว่าคงเป็นเหตุให้ซาตานหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง เพราะไม่ต้องทำอะไรคริสเตียนก็เกลียดกันเอง) พวกเขาพากันออกมาสร้างรังใหม่ที่สดใสและคาดว่าจะรุ่งเรือง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนับ 40-50 ปีเราพบว่าพวกเขายังเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยที่เป็นอิสระมากเกินไปจนขาดวินัยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น  การปกครอง วินัยด้านการคลัง  การวางแผนยุทธศาสตร์พัฒนาองค์กร  หรือเรื่องฝ่ายวิญญาณ  ไม่มีใครจะนำพวกเขาเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ พวกเขาขาดการวางแผนยุทธศาสตร์ ขาดการประเมินหน่วยงาน  ขาดผู้นำที่มีคุณภาพ มีวิสัยทัศน์  ขาดองค์ความรู้ในการบริหาร พวกเขาทำงานแบบตัวใครตัวมัน รวมตัวกันเพื่อมีสิทธิทางกฎหมายเท่านั้น

องค์กรของพวกเขารวมตัวกันอย่างหลวมๆ  การวางแผนการประกาศข่าวประเสริฐในแต่ละปีแทบจะไม่มี หรือมีแต่ก็เป็นเพียงแรงโหมจากเงินตราจากต่างประเทศที่ดันเข้ามาเป็นระยะ พวกเขาไม่ได้คิดเองทำเอง ลงทุนเอง เมื่อการประกาศจบลงคริสตจักรก็ไม่มีกำลังและความสามารถเพียงพอในการติดตาม
เลี้่ยงดู เพราะสมาชิกอ่อนแอ คริสตจักรไร้แรงขับ   เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี ไฟที่ลุกไหม้กลับเป็นเพียงก้อนถ่านไฟในกองขี้เถ้า เมื่อมีคนมาเป่ามีแสงไฟออกมานิดหนึ่ง ฉับพลันก็มอดลงกลับไปเป็นเหมือนเดิม  มอดไหม้ใกล้ดับ เหี่ยวแห้ง และขาดกระบวนการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ให้มาทดแทน

ตอน นี้คริสเตียนไทยหลายองค์กรพยายามรวมตัวกันเพื่อสร้างความสามัคคีแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะเมื่อใดที่เกิดมีผลประโยชน์เกิดขึ้นเพียงน้อยนิด  พวกเขาก็จะขัดแย้งกัน บางคนโกรธกันจนถึงวันตาย

...เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงคำอธิษฐานที่พระเยซูสอน คริสเตียนอธิษฐานเป็นประจำด้วยประโยคที่ว่า
"ขอพระองค์ทรงยกโทษให้ข้าพระองค์เหมือนที่ข้าพระองค์ยกโทษให้แก่ผู้ที่ผิดต่อข้าพระเจ้านั้น"

ก่อนที่พระเยซูจะเข้าสู่กางเขน พระเยซูอธิษฐานหลายชั่วโมง เพื่อขอต่อพระเจ้าที่จะดลใจให้ลูกของพระองค์สามัคคีกัน (ในพระธรรมยอห์นบทที่ 17 ทั้งบท) แต่ลูกของพระองค์ก็ชอบทะเลาะกัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่สามารถร่วมมือกันในการอธิษฐานรวมพลัง การประกาศ การติดตามผลได้อย่างที่น่าจะเป็น

มาถึงวันนี้จะมีผู้นำคริสเตียนสักกี่คนที่ตระหนักและยอมสารภาพบาปต่อกัน ใครจะเป็นคนแรกที่เอ่ยปากขอโทษ เหมือนกับประธาธิปดีประเทศฟิจิที่ลงทุน ทำพิธีขอโทษชาวมุสลิมด้วยการล้างเท้าให้ผู้นำมุสลิมที่โกรธแค้นเนื่องจากชาว คริสต์ทำผิดต่อชุมชนมิสลิม 

ขอพระเจ้าประทานความถ่อมใจแก่ผู้นำชาวคริสต์

กลอุบายของมารบางอย่างที่เห็นชัดจากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์
Genesis 3:1-7  Twists truth to seduce God's people
บิดเบือนความจริงให้คนทำบาป

1 Chronicles 21:1  Prompts people to sin
กระตุ้น ล่อให้คนทำบาป

Isaiah 14:12-1 Determines to "be like the Most High"
ให้เย่อหยิ่ง คิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น หรือไม่ยอมฟัง ให้คิดว่าตนเองเป็นพระเจ้า

Luke 4:13 Waits for "opportune" times when we are vulnerable"
ซาตานไม่ต้องการพักผ่อน มันคอยเวลาที่นักรบไม่ทันระวังตัว หรือมีอาการอ่อนแอ มันจะเข้าจู่โจมทันที
เหมือนลูกกวางที่วิ่งหนีจนอ่อนล้าเนื่องจากการถูกไล่ล่า หากเราเข้มแข็งมันก็หลบไปชั่วคราวเท่านั้น

Luke 8:12  "takes away the word out of their hearts"
ซาตานพยายามฉวยเอาถ้อยคำของพระเจ้าออกไปจากใจคนที่ได้ยินได้ฟัง
เพื่อไม่ให้เข้าใจถึงความจริง และจะไม่ได้รับอิสระภาพ

Luke 13:16  Puts people in bondage
มันจับคนที่อ่อนแอไปเป็นทาสจองจำ ด้่วยการผูกมัดไว้ กลายเป็นคนไร้ค่าสำหรับการดีทั้งปวง

Luke 22:3  "Can enter into those who reject God"
มันจะเข้าดลคนเหล่านั้นที่รักเงิน หรือลุ่มหลงในความบาป เพื่อให้ทำบาปมากขึ้น

เมื่อคริสตจักรรู้แน่ชัดอย่างนี้แล้วว่า เราต้องต่อสู้กับใคร ต้องมาหันมาปรับกระบวนทัศน์ในการจัดการ
คริสตจักรแบบใหม่ เพื่อคริสเตียนจะสามารถสู้กับวิญญาณที่มีระดับชั้นการปกครองอยู่เหนือโลก
และกิจการทั้งหลายที่เราต้องไปสัมผัสและต้องร่วมอยู่ด้วย

มื่อ เราเริ่มตระหนักถึงการครอบ ครองของฐานที่มั่น (Strongholds) ฝ่ายวิญญาณของความมืด คริสตจักรจะทำอย่างไรจึงจะทำการยึดคืนฐานที่มั่นในเขตรับผิดชอบ คือชุมชนที่รอบๆ คริสตจักรเพื่อช่วยปลดปล่อยผู้คนออกจากการเป็นทาสของมาร ให้กลับมานมัสการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ รับสันติสุข มีชีวิตที่เต็มล้นด้วยแม่น้ำแห่งชีวิตได้อย่างไร
 

ไม่มียุทธศาสตร์ใดๆ ที่จะสามารถเอาชนะเหล่าผู้ปกครองแห่งอาณาจักรแห่งความมืดได้นอกเสียจาก
คริสตจักรจะสามัคคีกัน  ร่วมมือกัน วางแผนร่วมกัน เข้าต่อสู้ในสงครามนี้ด้วยการแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์เท่านั้น


2 โครินธ์ 10.3
(3) เพราะว่า ถึงแม้เรายังดำเนินอยู่ในเนื้อหนังก็จริง แต่เราก็ไม่ได้สู้รบตามฝ่ายเนื้อหนัง
(4) เพราะว่าศาสตราวุธแห่งการสงครามของเราไม่เป็นฝ่ายเนื้อหนัง แต่มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่จากพระเจ้าที่จะทลายป้อมอันแข็งแกร่งลงได้)

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1/28/2553

    อาเมน ฮาเลลูยา เราทั้งหลายเป็นทหารของพระคริสต์ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้นเพราะพระเจ้าสถิตอยู่ข้างเรา

    "จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรืออย่าครั่นคร้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ที่ไปกับท่านคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลวหรือทอดทิ้งท่านเสีย”เฉลยธรรมบัญญัติ 31:6

    จากเด็กไทยสมัคร

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณในสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการรับใช้พระเจ้า
    หากมีเนื้อความที่เป็นข้อคิดขอให้เอามาลงเว็ปนี้ด้วยนะครับเพื่อว่าคนอื่นจะได้รับพระพรโดยการอ่านนะครับขอพระเจ้าอวยพรครับ

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)