Benny Hinn in Thailand (Glory filled Thailand)
ตอนที่ 7
ผู้เขียนอยากเรียกร้องและเชิญชวนนักการศาสนาชาวคริสต์ผู้มากมีทั้งประสบการณ์
การสอนและมีหลักศาสนศาสตร์อันเปี่ยมล้นทุกคนที่ไม่เชื่อเรื่องฤทธิ์อำนาจของ พระเจ้าว่าไม่มีการล้มด้วยเดชของพระเจ้า
ขอเชิญติดต่อเข้ามาเพื่อเราจะได้ศาสนศาสตร์ที่เห็นดีร่วมกันได้ จะได้หายข้องใจ
เลิกเถียงกันเสียที่
(ที่จริงอาจารย์เปาโลห้ามไม่ให้เราเถียงกันเรื่องนี้ แต่เพราะอยากให้เรื่องยุติเสียทีเท่านั้น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเบื้องหลังของการแตกแยก และการไม่เข้าใจกัน การโจมตีเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์มันมาจากมารร้าย ทั้งที่พวกชาวคริสต์รู้ดีกว่าการแตกแยกกันมันทำให้มารหัวเราะชอบใจและพระ เยซูร้องไห้ พวกเขาก็ยังยากที่จะยอมคืนดีอย่างแท้จริง)
(ที่จริงอาจารย์เปาโลห้ามไม่ให้เราเถียงกันเรื่องนี้ แต่เพราะอยากให้เรื่องยุติเสียทีเท่านั้น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเบื้องหลังของการแตกแยก และการไม่เข้าใจกัน การโจมตีเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์มันมาจากมารร้าย ทั้งที่พวกชาวคริสต์รู้ดีกว่าการแตกแยกกันมันทำให้มารหัวเราะชอบใจและพระ เยซูร้องไห้ พวกเขาก็ยังยากที่จะยอมคืนดีอย่างแท้จริง)
นักการศาสนาบางท่านชอบสอนให้คนทำอย่างนั้น
ทำอย่างนี้ ให้เป็นคนดี อย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้ แต่ตนเองมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากความจริง
แถบยังปิดกั้นไม่ให้คริสเตียนรู้ความจริง คนพวกนี้อาจมุ่งแต่สร้างอาณาจักรของตนเอง
ไม่เปิดหู เปิดตายอมรับสิ่งใหม่ๆ ที่พระเจ้าสำแดง พายเรือในอ่าง
สอนซ้ำไปซ้ำมาแต่เรื่องเก่าๆ แต่ละปีมีแต่วันระลึกสารพัดสารพัน
นมัสการพระเจ้าตามพิธีการเท่านั้น
อิสยาห์บทที่ 1 ข้อ 13 กล่าวว่า
วันเทศกาลข้างขึ้นและวันสะบาโตและการเรียกประชุม
เราทนต่อความบาปชั่วและ
"การประชุมตามพิธีไม่ได้อีก"
นักการศาสนาบางคนการเรียนการสอนพระคัมภีร์ในโบสถ์แบบไม่เอาใจใส่
สอนแบบไร้จุดหมาย สอนคนให้เป็นแค่สมาชิกผู้ภักดี
จะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่ จนตายกันไปข้างหนึ่ง
เขาสอนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายแน่นอน วกไปวนมา เหมือนนักมวยที่เตะกระสอบจนขาดไปหลายใบแต่เจ้าของค่ายไม่ยอมพาไปต่อยสักที
นักมวยจึงเบื่อการฝึกซ้อม
การกระทเช่นนี้อาจเป็นเหมือนคนที่เรียน พระคัมภีร์แล้วได้แต่ความรู้ ไม่มีการปฏิบัติให้เขานั่งฟังอยู่เป็นปีๆ พวกเขาเลยเบื่อการเรียน เบื่อโบสถ์ ไม่สามารถเลื่อนระดับจากคริสเตียนเบบี้ไปเป็นสาวกที่เกิดผล
ผู้ เชื่อจำนวนไม่น้อยแม้ว่าจะมานั่งฟังในโบสถ์ทุกๆ อาทิตย์เป็นเวลาหลายปี ก็ยังมีระดับความเชื่อขั้นต้น เพื่อจะรอดจากนรกเท่านั้น หลายคนเป็นเพียงผู้เชื่อที่ต้องคอยประคบประหงมเหมือนเด็กอ่อน หรือเหมือนเป็นคนเป็นง่อยตลอดชีวิต โบสถ์บางแห่งมีบริการอันแสนดี คือมีรถรับส่งตลอดชาติ
การเอารถไปรับไปส่งผู้เชื่อใหม่ เป็นสิ่งทีดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร
การกระทเช่นนี้อาจเป็นเหมือนคนที่เรียน พระคัมภีร์แล้วได้แต่ความรู้ ไม่มีการปฏิบัติให้เขานั่งฟังอยู่เป็นปีๆ พวกเขาเลยเบื่อการเรียน เบื่อโบสถ์ ไม่สามารถเลื่อนระดับจากคริสเตียนเบบี้ไปเป็นสาวกที่เกิดผล
ผู้ เชื่อจำนวนไม่น้อยแม้ว่าจะมานั่งฟังในโบสถ์ทุกๆ อาทิตย์เป็นเวลาหลายปี ก็ยังมีระดับความเชื่อขั้นต้น เพื่อจะรอดจากนรกเท่านั้น หลายคนเป็นเพียงผู้เชื่อที่ต้องคอยประคบประหงมเหมือนเด็กอ่อน หรือเหมือนเป็นคนเป็นง่อยตลอดชีวิต โบสถ์บางแห่งมีบริการอันแสนดี คือมีรถรับส่งตลอดชาติ
การเอารถไปรับไปส่งผู้เชื่อใหม่ เป็นสิ่งทีดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ยกตัวอย่าง เรามีความคิดเห็นอีกด้านหนึ่งเกี่ยวกับกิจกรรมวันอิสเตอร์ชาวคริสต์
หลายคนพากันไปป่าช้า อยากถามว่าไปทำไม มีจารึกไว้ในพระคัมภีร์ไหมว่าต้องไปนมัสการพระเยซูที่หลุมศพ
เมื่อมันไม่มีในพระคัมภีร์แล้วทำไมคนมากมายยังทำอยู่ล่ะ เพราะคนเชื่อธรรมเนียมมากกว่าการนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง
หรือ หรือว่าทำเลียนแบบพิธีของคนจีนที่เขาไปสุสานกันในวันเช้งเม้ง
อันนี้เป็นพฤติกรรมแบบมือถือสากปากถือศีลหรือเปล่า เพราะชอบอ้างว่าอะไรไม่มีในพระคัมภีร์ข้าไม่ทำ ชอบอ้างพระคัมภีร์เพื่อสนับสนุนความเชื่อ และข้อปฎิบัติของกลุ่มตนเอง ในสิ่งที่ตนเองเชื่อใช่ไหม ศาสนพิธีหลายอย่างที่ปฎิบัติกันอยู่อาจไม่มีในพระคัมภีร์ ทำไมคริสเตียนบางกลุ่มชอบทำกันจัง แต่พวกเขากลับละเว้นเรื่องพิธีบางเรื่องที่สำคัญในพระคัมภีร์ไปอย่างไม่ เอาใจใส่
พิธีที่พระคริสต์ทำทำไมพวกเขาไม่ทำ เช่นพิธีปัศกา พิธีสุหนัต พิธีจุ่มแบบมิดในแม่น้ำ ฯลฯ
อันนี้เป็นพฤติกรรมแบบมือถือสากปากถือศีลหรือเปล่า เพราะชอบอ้างว่าอะไรไม่มีในพระคัมภีร์ข้าไม่ทำ ชอบอ้างพระคัมภีร์เพื่อสนับสนุนความเชื่อ และข้อปฎิบัติของกลุ่มตนเอง ในสิ่งที่ตนเองเชื่อใช่ไหม ศาสนพิธีหลายอย่างที่ปฎิบัติกันอยู่อาจไม่มีในพระคัมภีร์ ทำไมคริสเตียนบางกลุ่มชอบทำกันจัง แต่พวกเขากลับละเว้นเรื่องพิธีบางเรื่องที่สำคัญในพระคัมภีร์ไปอย่างไม่ เอาใจใส่
พิธีที่พระคริสต์ทำทำไมพวกเขาไม่ทำ เช่นพิธีปัศกา พิธีสุหนัต พิธีจุ่มแบบมิดในแม่น้ำ ฯลฯ
พิธีที่เราไม่เห็นมีในพระคัมภีร์แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวคริสต์ชอบทำกันมาก
คือ การระลึกถึงคนตาย 100 วัน การจัดวันระลึกวันต่างๆ พิธีวางเสาเอกที่เอากล้วยเอาอ้อยมาทำเหมือนชาวโลก
การดำหัว ศ.บ. การจัดนมัสการวันเกิดของผู้นำ
การเปิดเครื่องสักการะบูชารูปเหมือนต่างๆ ในโบสถ์
มันต่างจากการนมัสการรูปเคารพในหนังสือดาเนียลอย่างไรล่ะ มันคล้ายๆ กันไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเราจึงทำล่ะ กล้าทำในสิ่งที่พระบัญญัติห้ามไว้ชัดเจน
แล้วเราจะเอาหน้าไปพบพระเยซูได้อย่างไร
วันอิสเตอร์พระเยซูไม่อยู่ที่ป่าช้าแล้ว
พระองค์เป็นขึ้นมานานแล้ว ผู้นำชาวคริสต์น่าจะพาพี่น้อง
คริสเตียน ไปเดินขบวนประกาศ
ตีฆ้องร้องป่าว ให้ชาวโลกตามตลาด ร้านค้า ตามถนน ตามตรอกซอกซอย ให้รู้กันทั่วๆ
เพื่อเราจะบอกว่าพระเยซูผู้ชนะความตาย เป็นพระองค์เดียวที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาจากความตายไม่ดีกว่าหรือ
แล้วพากันไปทำอะไร ได้ประโยชน์อะไรกับแผ่นดินของพระเจ้ามากขึ้น
ผู้นำความเชื่อพาชาวบ้านไปถางป่าช้า
หาไข่ต้ม หลอกเด็กๆ อยู่ได้ อย่างเรื่องการทำไข่ทาสีประวัติแท้จริงคือพิธีกรรมถวายสักการะแด่วิญญาณผี
ไม่ใช่หรือ แต่คนที่รับมาไม่ทราบ หรือทราบแล้วไม่กล้าเปลี่ยนเปลงเพราะมันกลายเป็นพิธีกรรม
เป็นธรรมเนียมกันไปแล้วใช่ไหม
การหาไข่วันอิสเตอร์มีการทำกันจนเป็น ประเพณีแล้ว นักการศาสนาชอบทำในสิ่งที่ศาสนาทำตามกันมาจนเป็นธรรมเนียม ไม่กล้าปฎิรูป ไม่กล้าเปลี่ยน คิดแต่การสืบทอดประเพณีของมนุษย์ เราไม่กล้าออกไปประกาศให้โลกรู้แล้วชาวโลกเขาจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นคนนั้นที่ชนะความตาย เพื่อเขาจะได้มาเชื่อถือและรับเอาพระเยซูคริสต์พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ เป็นพระเจ้าที่เป็นขึ้นมาจากความตายองค์นี้ พูดอย่างนี้ใครเสียหายหรือเปล่า
การหาไข่วันอิสเตอร์มีการทำกันจนเป็น ประเพณีแล้ว นักการศาสนาชอบทำในสิ่งที่ศาสนาทำตามกันมาจนเป็นธรรมเนียม ไม่กล้าปฎิรูป ไม่กล้าเปลี่ยน คิดแต่การสืบทอดประเพณีของมนุษย์ เราไม่กล้าออกไปประกาศให้โลกรู้แล้วชาวโลกเขาจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นคนนั้นที่ชนะความตาย เพื่อเขาจะได้มาเชื่อถือและรับเอาพระเยซูคริสต์พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ เป็นพระเจ้าที่เป็นขึ้นมาจากความตายองค์นี้ พูดอย่างนี้ใครเสียหายหรือเปล่า
แท้ จริงพี่น้องคริสเตียนอาจจะไม่ทราบว่าเบื้องหลัง
คำว่าอิสเตอร์แปลว่า อะไร แค่ชื่อของมันก็ไม่มีในพระคัมภีร์แล้วครับ ชื่ออิสเตอร์ แท้จริงเป็นชื่อของเทพเจ้าองค์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพระเยซูแม้แต่
น้อย การเอาอิสเตอร์เข้ามาในโบสถ์เป็นกุศโลบายของมนุษย์
ไม่ได้มีบัญญัติไว้เลย ในหมวดธรรมบัญญัติ หรือในพระคัมภีร์ใหม่เลย
แต่เป็นการเอามาดัดแปลงให้เขากับความเชื่อเดิมๆ ของคนไม่เชื่อพระเจ้ามากกว่า
ผมรู้ความจริงแล้ว ผมจึงไม่ไปนมัสการที่ป่าช้าในวันอิสเตอร์มาได้หลายปีแล้วครับ ผมไม่อยากทำตามพิธีกรรม
และวัฒนธรรมที่มันไม่มีในสารบบที่พระเยซูได้สอนไว้ ใครอยากทำก็เชิญตามสบาย
ตอนที่ 8
ผู้เขียนบทความรู้สึกแย่ทุกครั้งที่ได้ยินข่าว
นักการศาสนาบางคนที่ชอบพูดอ้างคำว่า "ไม่มีในพระคัมภีร์" เพื่อ สนับสนุนความไม่เชื่อของตนเอง ที่แท้จริงแล้วมันมีอยู่แต่เราไม่เห็น เราอ่านไม่เข้าใจ
การตีความหมายพระคัมภีร์เน้นแต่บริบท สถานการณ์แวดล้อมสมัยนั้น ตามที่อ่านตามตำรา
ตามประสบการณ์เดิม ตามการรับรู้เดิม ตามรากศัพท์ภาษากรีก และฮีบรู ตามความสามารถของสมองของมนุษย์
ตามที่ครูสอน ทั้งที่อาจารย์ที่ยังเป็นอาจารย์ที่อ่อนแอด้านฤทธิ์เดช
หลายคนเก่งแต่สอนศาสนา สอนเน้นพิธีการ
พิธีกรรม ความเนียบและความละเอียดของขั้นตอนการทำพิธีต่างๆ ความอลังการ บางแห่งสอนให้นักศึกษาพระคัมภีร์เป็นแค่นักบวชเพื่อประกอบศาสนกิจ
รับใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ของชาวคริสต์เท่านั้น การสอนแค่นี้มันเพียงพอที่จะออกไปเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณแล้วหรือ
การอ้างว่าไม่มีในพระคัมภีร์นะดีอยู่
แต่ที่มีในพระคัมภีร์ทำไมไม่นำมาปฏิบัติ อย่างเช่น
เจ้าทั้งหลายจง "ออกไป
ประกาศข่าวประเสริฐ" จงวางมือบนคนป่วยให้หายดี จงขับผี แต่กลับไม่ค่อยมีใครทำ
กลับอ้างอย่างไม่อายว่า
"ผมไม่มีของประทาน"
"หรือ
ของประทานมีต่างๆ กัน"
แล้วพวกธรรมาจารย์จากสำนักใหญ่ทุกคนก็อ้างเหมือนกันหมด
คือทุกคนไม่มีเหมือนกันเลย คือวางมือไม่หาย ขับผีไม่ออก ไม่รักษาโรค ไม่กล้าออกไปประกาศแบบพระเยซู
แต่ออกไปประกาศแบบลุงซานต้าใจดี คือชอบแจกของ แจกทุน แจกแบบนักสังคมสงเคราะห์
รวยมากหรือไงครับ นี่ถ้าไม่มีเกาหลี ไม่มีฝรั่งจะอยู่กันได้ไหมนะ แจกผลประโยชน์
ได้คนมาเชื่อก็ได้แต่พวกขัดสน คนจนๆ คนมีการศึกษา
คนรวยมีของเยอะแล้วเขาเลยไม่เอาพระเจ้า แท้จริงความเชื่อและพระกิตติคุณเหมาะสำหรับคนชั้นสูง
และพวกมีการศึกษามาก เพราะเป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ต้องใช้ความจำ ต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต
เมื่อหลายวันก่อน ผู้เขียนไปพบกับคริสเตียนกลุ่มหนึ่งไปแวะทานข้าวที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
พอดีหน้าคุ้นๆ ผมถามพวกเขาว่ากำลังจะพากันไปที่ไหน
พวกเขาบอกว่าจะไปรับใช้พระเจ้า ไปประกาศข่าวประเสริฐ
ผมถามว่าประกาศอย่างไร เขาตอบว่าไปแจกใบปลิว
แล้วพวกพวกเขาจึงถ้าผมว่าไปไหนมา ทำอะไรอยู่ตอนนี้ ผมก็บอกไปว่า อ๋อ ตอนนี้หรือ รับใช้พระเจ้าเป็นผู้ประกาศด้วยการวางมืออธิษฐานเผื่อคนป่วย
และช่วยขับวิญญาณรบกวน แทนที่พวกเขาจะบอกว่า
เออน่าสนใจดีนะ เราอยากทำเป็นบ้าง แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นพวกอนุรักษ์ของเก่า (ผมเข้าใจว่าอย่างนั้น)
พวกเขาจึงพูดประมาณ "อ๋อ ของประทานไม่เหมือนกัน พวกเราไม่มีของประทานด้านนี้"
คำๆ นี้มันเจ็บปวดมากสำหรับผู้เชื่อแท้ที่ต้องการรับใช้พระเจ้าด้วยการประกาศ
คุณไม่มีของประทานเพราะคุณไม่ได้รับ เพราะคุณไม่แสวงหา หรือเพราะว่าทุกคนในกลุ่มของคุณไม่รู้จักของประทานนี้
และไม่ยอมรับสิ่งนี้ เพราะผมได้ยินเหมือนกันบ่อยๆ
ว่า "ผมไม่มีของประทาน" และทุกๆ คนก็พูดเหมือนกัน
ตอนที่ 9
มีอาจารย์ท่่านหนึ่งชอบเทศนาเรื่องความรวย เทศนาครั้งใดก็สอนแต่เรื่องความรวย ความมั่งคั่งที่ได้รับจากการมาเชื่อพระเยซู
เพราะแกเริ่มร่ำรวยแล้ว เพราะแก่ทำงานรับใช้พระเจ้ามานาน
มีฝรั่งหลายคนอุปถัมป์ วันคริสต์มาสวันหนึ่ง
ผู้เขียนไปนั่งฟังเขาเทศน์ คนเทศนาสั่งสอนอย่างไม่ระวังปาก เทศน์ไปตามประสบการณ์ว่า เชื่อพระเยซูแล้วจะรวย จะมั่งคั่ง ใครอยากร่ำรวย อยากมีเงินให้เชื่อพระเยซู
(เหมือนคนเทศนาไง)
วันนั้นปรากฎว่ามีคนรวยที่ไม่เชื่อพระเจ้ามานั่งฟังหลายคน ผมคิดในใจว่า วันนี้อาจารย์เทศนาผิดกาละเทศะแน่ๆ
เพราะคนที่รวยแล้ว เขาคงไม่ต้องการพระเจ้าเพราะเขามีทุกอย่างแล้ว เมื่อเขาเทศนาจบเขาก็ประกาศเชิญชวนให้คนที่มาเป็นหลักร้อยให้ออกมารับเชื่อ
พระเจ้า แต่น่าเสียใจครับ ไม่มีใครสนใจเลย
ไม่มีใครสนใจที่จะรับเชื่อพระเยซูเลย ทั้งๆ ที่คนมานั่งจนเต็มโบสถ์เกือบสองร้อยคน
แท้จริงการเชื่อพระเยซูไม่่ได้เน้นที่ความรวย ความรวยเป็นผลพลอยได้เท่านั้นใช่ไหมครับ
พูดถึงเรื่อง โรงเรียนสอนศาสนา สถานศึกษาน่าจะสอนนักศึกษาอะไรดีล่ะ
น่าจะสอนให้รู้จักวิธีการประกาศอย่างเกิดผล สอนเน้นให้แสวงหาของประทานฝ่ายวิญญาณตามหนังสือ
1 โครินธ์บทที่ 12 และเอเฟซัสบทที่ 4
อาจารย์บางคนเรียนมาแค่ให้รู้จักคำสอนตามศาสนา หลายคนจึงคิดว่าเป็นอย่างนั้น
มันก็มีแค่นั้น น่าเสียดายจริงๆ
น่าเสียดายที่โรงเรียนพระคัมภีร์ไทยบางแห่งไม่ค่อยมีการสอนเรื่อง
Deliverance, Inner Healing ถึงมีก็น้อยมาก บางแห่งไม่มีใน Curriculum เลย เพราะศาสนศาสตร์ของศาสนจักรไทยหลายแห่งอาจยังไปไม่ถึงตรงนั้น
ปีๆ หนึ่งสอนวกไปวนมาซ้ำๆ กับเรื่อง ความเชื่อ ความหวัง
และการเป็นคนดี ที่ไม่มีการสอนเรื่องการปลดปล่อยอาจเนื่องจาก
บุคลากรไม่พร้อม ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องนี้ เราต้องรอฝรั่งมาจัดอบรม สัมมนา
พอเขากลับเราก็เลิกทำ
ผู้เขียนอยากให้คนไม่รู้ได้รู้ อยากให้ผู้เชื่อที่อยากไปไกลกว่าเดิม
อยากเกิดผลนำคนมารอดบาป หรืออย่างน้อยก็ผู้นำคริสเตียน อยากให้มีประสบการณ์กับฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
ในเรื่องที่เรากำลังถกกันนี้ เรื่องฤทธิ์เดชของพระนามของพระเจ้ามันยิ่งใหญ่เพียงใดสำหรับคนที่เต็มล้น
ด้วยการเจิม เพราะผลที่ตามมาหลังจากการเจิมนั้นมันคือประตูเข้าสู่สิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณ
ของประทานอันน่ามหัศจรรย์ อำนาจที่สูงเหนือผีมารซาตานและสมุนของมัน
ที่น่าเสียใจอีกอย่างหนึ่ง
และเป็นเรื่องน่าตระหนก เมื่อเราได้ยินข่าวมาว่า โรงเรียนพระคัมภีร์บางแห่งสร้างขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องตามระเบียบของบ้าน
เมือง ไม่ได้ปฎิบัติตามกฎหมาย ไม่ได้ขออนุญาตหน่วยงานการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษา บางแห่งจัดการเรียนการสอนโดยไม่ได้ขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้อง
นักการศาสนาหรือนักหาทุนจากเมืองนอกบางคนระดมทุนสร้างโรงเรียน ศูนย์อบรมพระคัมภีร์อย่างไม่ถูกต้อง
มุ่งหลอกเอาเงินฝรั่งมาซื้อที่ดินเป็นชื่อของตนเอง ต่อมาก็โกงเอาที่ดินส่วนรวมอย่างไม่อายฟ้าดิน
ใครว่าใครทักท้วงก็ไม่ฟัง จะฮุบเอาของเขาท่าเดียว
จนมีการฟ้องร้องให้เห็นกันอยู่เนือง ๆ เรื่องอัปยศอย่างนี้ที่แม้แต่คนไม่รู้จักพระเจ้าเขายังไม่ทำ
แต่คนที่อ้างตัวเป็นผู้นำคริสเตียนบางคน และหลายๆ คนชอบทำแบบนี้
จริงไหมครับ ไม่เชื่อลองถามอาจารย์ใหญ่คนเก่าๆ
ดูสิครับว่ามีจริงไหม
การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาพระคัมภีร์หลายแห่งไม่มีการรับรองหลักสูตร
เท่านั้นยังไม่พอ ผู้จัดการโรงเรียนจ้างครูสอนที่ไม่มีใบอนุญาตในการสอน ครูสอนบางแห่งก็เป็นแค่นักศึกษาที่จบจากสถาบันนั้นเอง
และที่น่าเสียใจก็คือพวกเขาจ้างครูผู้สอนด้วยค่าตอบแทนที่ถูกอย่างไม่น่า เชื่อ บางแห่งจ้างครูสอนแค่เดือนละ
4000-5000 บาทเท่านั้น
แล้วจะหาครูดีๆ ที่ไหนมาสอน ครูที่ดีเขาก็ต้องได้รับการตอบแทนในการสอนที่ดีเขาจึงจะอยู่ได้
สถานศึกษาบาง แห่งอาจจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งฟอกเงิน หรือหารายได้ของผู้จัดการโรงเรียนเท่านั้น ฝรั่งหลายรายอกหักที่เชื่อใจ "คนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแต่เป็นคนไม่สัตย์ซื่อ" โกง ฮุบ เอาที่ดิน ตึก และอุปกรณ์ของสถานศึกษาเหล่านี้ ตามที่เราได้ยินได้ฟัง มีเรื่องฟ้องศาลกันตามที่เป็นข่าวเสมอมา น่าเสียใจจริงๆ
สถานศึกษาบาง แห่งอาจจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งฟอกเงิน หรือหารายได้ของผู้จัดการโรงเรียนเท่านั้น ฝรั่งหลายรายอกหักที่เชื่อใจ "คนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแต่เป็นคนไม่สัตย์ซื่อ" โกง ฮุบ เอาที่ดิน ตึก และอุปกรณ์ของสถานศึกษาเหล่านี้ ตามที่เราได้ยินได้ฟัง มีเรื่องฟ้องศาลกันตามที่เป็นข่าวเสมอมา น่าเสียใจจริงๆ
ผมคาดว่าคนเหล่านี้คงมีแมงมืด
คอยชักใยข้างในหัวสมองของคนเหล่านี้แน่ๆ ตายไปถ้าได้ไปสวรรค์คงเป็นแค่คนเฝ้าประตูส้วมในสวรรค์เท่านั้น
หรือถ้าดีกว่าหน่อยก็เป็นคนเก็บกวาดถนน ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ แต่ก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี เพราะตอนมันอยู่บนโลกมนุษย์
ชอบกิน ชอบโกง ยัดยอก ขืนให้ไปกวาดถนนในสวรรค์คงยุ่งอีก
เพราะถนนบนสวรรค์ปูด้วยแผ่นกระเบื้องทองคำ ผมคิดว่ากระเบื้องอาจจะหายไปวันละแผ่นสองแผ่น
เพราะคนมันติดนิสัยลักขโมย
คนมีนิสัยขโมย ทำอย่างไร
มันก็อดขโมยไม่ได้ หลายๆ คนชอบขโมยแม้กระทั้ง ไม้จิ้มฟัน ตามโรงแรม ร้านอาหาร และกระดาษเช็ดตูดในส้วมของห้างบิ๊กซี หรือโลตัสเป็นประจำ
เชื่อไหมว่ามีจริง แถวๆ ชายแดน มีให้เห็นเป็นประจำ บางคนเล่นลอกเอาจากม้วนใหญ่ทั้งม้วนยัดใส่ถุงกลับบ้าน
เดินออกส้วมมาอย่างหน้าตาเฉยเลย ถูกเขาจับได้ ยังอ้างว่า แบ่งเอาไปใช้ที่บ้านนิดเดียวก็ไม่ได้ที่นี้มีเยอะ...
ทำไม่ขี้เหนียว
ที่ของศาสนสถาน
ชาวโลกเขาเรียนที่ธรณีสงฆ์ แม้แต่กรรมการศาลาธรรมเขายังไม่กล้าเตะ
แต่พี่คิดส์ ทำได้ หลอกและโกงเอาของที่เป็นของพระเจ้าอย่างหน้าตาเฉยเหมือนกัน
น่าสงสารคริสเตียนอ่อนแอที่หลงติดตามคนพวกนี้
นักการศาสนาหลายท่านมักอ้างว่าพระวิญญาณบริสุทฺธิ์อยู่กับคริสเตียน
เราเคยคิดไหมว่าพระองค์สื่อสารกับเราอย่างไร มีใครคิดว่าพระองค์ไม่เคยพูดคุยกะผู้เชื่อเลยหรือ
หรือเราคิดว่าพระองค์เป็นใบ้ หรือไม่สื่อสารใดๆ ท่านอยู่ของท่านอย่างนั้นตั้งแต่เราเริ่มเชื่อจนเราตายโดยไม่พูดหรือสื่อสาร
กับเราเลยหรือ พระเจ้าสื่อสารกับเราทางพระคัมภีร์เล่มเดิมที่หลายคนเปิดจนยุ่ยแล้วเท่านั้น
หรือ
บางคนปฎิบัติต่อพระเจ้าเหมือนให้พระองค์ทำหน้าที่
เป็นยักษ์ในตะเกียงอาระดิน ที่ต้องคอยฟังคำอธิษฐานของผู้เชื่อ คอยตอบสนอง ตอบคำอธิษฐานต่างๆ
นานา ที่ขอให้พระองค์ทำงานที่น่าจะเป็นหน้าที่ของอาจารย์ต้องทำอยู่แล้ว แต่เราขอให้พระองค์ทำ
ผมคิดว่าพระเจ้าคงจะอดหัวเราะไม่ได้ที่คนใช้ที่รับหน้าที่เป็นอาจารย์ เป็นนักการศาสนาหลายคนมักจะอธิษฐานว่า...
"โอ้ ขอพระเจ้าทรงเมตตา
ชาย/หญิงคนนี้ด้วยเพราะเขากำลังถูกวิญญาณชั่วรบกวน ขอพระเจ้าช่วยไล่มันไปที" แทนที่จะพูดโดยใช้สิทธิอำนาจที่มีอยู่แล้วในตัวผู้เชื่อ
โดยสั่งว่า "ไอ้ผีชั่วจงออกไปเดี๋ยวนี้"
คนใดที่ได้ชื่อว่าเป็น อาจารย์ทางศาสนาที่ไม่ตระหนักรู้ว่าคริสตจักรกำลังต่อสู้กับวิญญาณร้ายคง
ยิ่งเลวร้ายกว่านี้อีก เพราะไม่มีรุ่งอรุณเอาเสียเลยสำหรับนักการศาสนาที่สอนแบบนี้
พวกเขามุ่งแต่สอนให้คนทำดี ถวายทรัพย์ ร่วมกิจกรรม สร้างความสนุนสนาน ดึงดูดคนให้มาทำกิจกรรมต่างๆ
พูดเทศนาหวานๆ ให้เพลินหูไปเป็นวันๆ
แต่ไม่ได้สอนให้คนเป็นนักประกาศข่าวประเสริฐ ไม่สอนเรื่องการใช้ของประทาน ไม่ตั้งใจอธิษฐานวิงวอนเพื่อการทำพันธกิจตามพระมหาบัญชา
ผมคิดว่าคนเหล่านี้ำกำลังพยายามทำโบสถ์ให้เป็นเหมือนสโมสรมากกว่าการพยายาม เป็นคริสตจักรที่สร้างสาวก แต่กลับกลายเป็นเพียงกลุึ่มผลประโยชน์ เพื่อสร้างอาณาจักรของผู้นำ หรืออาตมาหรือเหมือนกลุ่มที่ทำงานเพื่องานสังคมสงเคราะห์ทั่วไปมากกว่าการ เน้นพระกิตติคุณของพระเยซู
ผมคิดว่าคนเหล่านี้ำกำลังพยายามทำโบสถ์ให้เป็นเหมือนสโมสรมากกว่าการพยายาม เป็นคริสตจักรที่สร้างสาวก แต่กลับกลายเป็นเพียงกลุึ่มผลประโยชน์ เพื่อสร้างอาณาจักรของผู้นำ หรืออาตมาหรือเหมือนกลุ่มที่ทำงานเพื่องานสังคมสงเคราะห์ทั่วไปมากกว่าการ เน้นพระกิตติคุณของพระเยซู
พวกเขาสร้างกำแพงเมืองจีน ป้องกันแกะหนีไปกินหญ้าที่อื่น
กีดกันผู้สอนคนอื่นไม่ให้มาสอนผู้เชื่อของตน อ้างว่าสอนผิด บางครั้งเขาไม่เคยได้ยินคนอื่นสอนหรือฟังการเทศน์ของคนอื่นเลย
เพียงแต่ได้ยินข่าวลือ ก็หูเบาเชื่ออย่างงมงาย พวกเขาไม่ต้องการได้ยินได้ฟัง
สิ่งใหม่ๆ ที่พระเจ้าเปิดเผย
อาจเป็นเพราะกลัวว่า เมื่อแกะเก่ง ไปหากินหญ้าเอง เงินมันก็หนีไปด้วย - คนประเภทนี้รับใช้อย่างไร้มนุษยธรรม บางคริสตจักรไม่อยากนมัสการแบบคริสตจักรฮีลซอง ต่อต้านการเจิม แต่เด็กๆในโบสถ์ของเขาร้องเพลงที่แปลเนื้อร้องและทำนองมาจากคริสต์จักรแบบคา ริสเมติกแทบทั้งนั้น น่าอายไหม พวกเกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
อาจเป็นเพราะกลัวว่า เมื่อแกะเก่ง ไปหากินหญ้าเอง เงินมันก็หนีไปด้วย - คนประเภทนี้รับใช้อย่างไร้มนุษยธรรม บางคริสตจักรไม่อยากนมัสการแบบคริสตจักรฮีลซอง ต่อต้านการเจิม แต่เด็กๆในโบสถ์ของเขาร้องเพลงที่แปลเนื้อร้องและทำนองมาจากคริสต์จักรแบบคา ริสเมติกแทบทั้งนั้น น่าอายไหม พวกเกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
นักการศาสนาหลายคนชอบอ้างโบสถ์ใหญ่ของอาจารย์
ยองกีโชในเกาหลี ว่ามีความเจริญ แต่ไม่บอกว่าโบสถ์ของเขานะ มีความเชื่ออย่างไร เขาอธิษฐานวางมือให้คนหายโรคได้หรือเปล่า
พี่น้องอาจไม่ทราบว่าโบสถ์ของอาจารย์ยองกีโชนั้นคือโบสถ์เพนเทคอสครับ
ไม่ใช่แบบอนุรักษ์ อนุรักษ์ไม่มีวันเป็นได้หากยังทำแบบเดิมๆ
ถ้าโบสถ์เมืองนอกเขาทำได้ ทำไมพี่ไทยเราทำไม่ได้ล่ะ ของไทยดีแต่เอาของนอกมาทำกิจกรรมประกาศในเมืองไทย อย่างเช่นอาจารย์มัทธิว จากอินเดีย อาจารย์เอเสเคียล ซุงจากเกาหลี อาจารย์ทีแอล ออสบอนด์ คนไทยทำไม่ได้แล้วหรือ หรือคิดว่าพระเจ้าให้มีฤทธิอำนาจแก่ฝรั่ง เกาหลี และชาติอื่นๆ แต่ไม่ให้คนไทยมีหรือ แท้จริงเพราะการไม่เชื่อนี้แหละมันจะมีได้อย่างไร ไม่เชื่อยังไม่พอ ใครมีความเชื่อยังกีดกัน และพยายามทำลายเขาอีก
ถ้าโบสถ์เมืองนอกเขาทำได้ ทำไมพี่ไทยเราทำไม่ได้ล่ะ ของไทยดีแต่เอาของนอกมาทำกิจกรรมประกาศในเมืองไทย อย่างเช่นอาจารย์มัทธิว จากอินเดีย อาจารย์เอเสเคียล ซุงจากเกาหลี อาจารย์ทีแอล ออสบอนด์ คนไทยทำไม่ได้แล้วหรือ หรือคิดว่าพระเจ้าให้มีฤทธิอำนาจแก่ฝรั่ง เกาหลี และชาติอื่นๆ แต่ไม่ให้คนไทยมีหรือ แท้จริงเพราะการไม่เชื่อนี้แหละมันจะมีได้อย่างไร ไม่เชื่อยังไม่พอ ใครมีความเชื่อยังกีดกัน และพยายามทำลายเขาอีก
ถ้าหากลุงบุญร่วงผู้เขียนบทความที่ผมนำมาอ้างในตอนนี้ได้อ่านบทความนี้
หรือใครๆ ที่มีความเชื่อว่า การเจิมล้มด้วยเดชพระวิญญาณไม่มีอีกแล้วในปัจจุบันนี้ ผมอยากจะขอให้เขาถามเด็กๆ
ของเขาหลายๆ คนที่เขาเคยได้รับการเจิม ว่าเด็กๆ ได้รับอะไรแน่ เขาถูกคนพลักให้ล้ม หรือมีอำนาจบางอย่างทำให้เขาเป็นอย่างนั้น
และให้ถามอีกว่า ขณะที่พวกเขานอนที่พื้นเขารู้สึกอย่างไร รู้สึกมีความปลื้มปิติ หรือหวาดกลัว
เขาเห็นอะไรบ้างในวิญญาณของพวกเขา
คริสเตียน ที่ต่อต้านการเจิมด้วยพระวิญญาณมักเอาเอาผลของพระ
วิญญาณมาอ้างว่าผลของพระวิญญาณต้่องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ (กท.5) คนที่มีพระวิญญาณต้องมีผลประวิญญาณ
การรับการเจิมกับผลของพระวิญญาณมันคนละเรื่องกัน และการล้มในพระวิญญาณไม่ใช่เรื่องหลักข้อเชื่อ
ผมได้ยินนักการศาสนาสายธรรมาจารย์มักจะสอนกันมาตลอดว่า ให้ดูผลพระวิญญาณ ของคนที่รับพระวิญญาณ
มันก็ถูกบ้างส่วนแต่ ผมคิดว่ามันจะไปดูผลได้อย่างไรครับ
ต้นไม้เราปลูกรดน้ำมันทุกวัน สามปีมันยังไม่ออกผลเลย ถ้าเป็นกิ่งตอนต้องรอเป็นเวลาอย่างน้อยก็สามปีถึงจะออกผล
แต่ถ้าเป็นต้นไม้ที่ปลูกด้วยเมล็ดต้องรอผลในปีที่ 6 หรือปีที่ 7
พระธรรมโรม 8.31 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร
ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา
บาง ครั้งคนที่ล้มลงไปร้องเสียงดัง
อื้ออึง เพราะมีวิญญาณร้ายหลบซ่อนอยู่ในตัวก่อนแล้ว เมื่อโดนฤทธิ์เดชแห่งการเจิม ได้รับบาดเจ็บเหมือนถูกของร้อน
จึงร้องเป็นเสียงที่น่าขนลุกขนพอง
ตอนที่ 10
พระธรรม มาระโก 9:26 ได้กล่าวว่า
"ผีนั้นจึงร้องอื้ออึงทำให้เด็กนั้นชักดิ้นเป็นอันมาก
แล้วก็ออกมา เด็กนั้นก็แน่นิ่งเหมือนคนตาย จนคนส่วนมากที่นั่นกล่าวว่า “เขาตายแล้ว”
จากประสบการณ์อันไม่มากนักของผม
ผมรับรู้ว่า หลายๆ ครั้งคนที่รับการเจิม จะมีการร้องอื้ออึง บางคนมีเสียงหวีดหวิว
ดิ้นทุรนทุราย หากไม่มีการสังเกตุวิญญาณ (Discerning
of Spirits) หลายคนอาจไม่เข้าใจว่า ทำไมเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เรื่องนี้ต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์ค่อยข้่างมากในการจัดการ
เมื่อปี ค.ศ. 2006 ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้ ขณะที่เรากำลังจัดการประกาศแบบรักษาโรค
เมื่อจบการเทศนาผู้เทศนาได้เชิญชวนให้คนมารับการอธิษฐานเพื่อรักษาความเจ็บ ป่วย ปรากฎว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งของทีมนมัสการของอาจารย์ดังคนหนึ่งมาร่วมงานนี้
ภายหลังจากที่เราอธิษฐานให้ หญิงสาวคนนี้แสดงอาการเหมือนถูกผีสิง ดิ้นทุรนทุราย
ส่งเสียดังอื้ออึง เตะถีบคนที่เข้าไปช่วยอธิษฐานเผื่อเขาด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล
พวกเราก็ช่วยกันจับไปหลังเวทีและทำการขับผี
ปรากฎว่าผีมันก็ยอมพูดกับเรา
วิญญาณมันบอกว่ามันเป็นผีที่มากับตำราโหราศาสตร์ที่
หญิงสาวชอบอ่านอยู่ ทั้งๆ ที่หญิงสาวคนนี้ก็มาเชื่อพระเจ้าได้สักระยะหนึ่งแล้ว จนได้เป็นทีมนมัสการของคริสตจักร แต่เมื่อใดที่หญิงสาวคนนี้ไปร่วมนมัสการในที่ต่างๆ
ครั้งใดก็ตามที่มีการเจิม หญิงคนนี้จะล้มลง และร้องเสียงอื้ออึง
โหยหวน มีอาจารย์หลายท่านเคยอธิษฐานให้เขาแต่ก็ไม่ดีขึ้น ในครั้งนี้เราได้ขับวิญญาณอื่นที่สิ่งสู่ในร่างกายของเธอออกไป
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอไม่เคยแสดงอาการโหยหวนอีกเลย
อาการแสดงของคนถูกวิญญาณรบกวนเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราต้องทำการปลดปล่อยเขาให้หลุดพ้น
แต่พวกที่ไม่รู้จริงกลับอ้างเหมาว่าพระวิญญาณของพระเจ้าเป็นอย่างนั้นทั้ง
หมด เนื่องจากเขาขาดองค์ความรู้เรื่องการปลดปล่อย ไม่เข้าใจเรื่องวิญญาณราก
ไม่เคยเรียนรู้เรื่องอินเนอร์เฮลลิ่ง บางคนปิดหูปิดตาตัวเอง
ไม่รู้ ไม่ศึกษา เลยไม่เข้าใจ แต่ชอบใช้สายตาฝ่ายเนื้อหนัง
ใช้ความรู้ทางพระคัมภีร์ที่มีไม่มากนัก ตัดสินการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตำราในเมืองไทยมีไม่มากนักที่สอนเรื่องนี้
แต่ตำราภาษาอังกฤษขายที่เมืองนอกเป็นส่วนใหญ่ที่สอนเรื่อง Deliverance
ประเทศไทยผมเห็นมีอยู่เล่มหนึ่ง ชื่อว่า " ผู้หักโซ่ตรวน"
ใครไม่เคยอ่านหากต้องการเปิดหูเปิดตา ลองหามาอ่านดูนะครับ
มีคริสตจักรในเมืองไทยกี่แห่งที่มีปฏิบัติการด้านการปลดปล่อย
ผู้รับใช้กี่คนที่สามารถทำการเยียวยาให้แก่คนที่มาเชื่อทั้งใหม่และ คริสเตียนเก่าให้หลุดพ้นจากอำนาจและคำแช่งสาป
ความเจ็บไข้ที่เกิดจากคำแช่งสาปของธรรมบัญญัติ ตามคำแช่งสาปใน เฉลยธรรมบัญญัติบทที่
28:15-68 และคำแช่งสาปที่ภูเขา
เอบาล เฉลยธรรมบัญญัติ 25: 15-27 เพราะนักการศาสนาที่สอนแบบออมชอบกับความบาป
เออออไปกับความหลงผิดของผู้เชื่อ ไม่ยอมบอกพวกเขาว่า หากพวกเขาพึ่งแต่พระคุณของพระเจ้า
แต่พวกเขากบฎต่อพระเจ้าด้วยการประพฤติน่าอาย คำสาปเหล่านี้มันจะมาถึงเขาและครอบครัวเขาซึ่งเป็นคนในยุคนี้ด้วย
เพราะทุกคนก็เป็นลูกหลานของอับราฮัมเหมือนกัน
ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่คริสตจักรแบบอนุรักษ์จึงมีคนป่วย คนพิการอยู่ทั่วไปนั่งหน้าสล่อนในโบสถ์
ซาตานคงหัวเราะชอบใจที่มีคริสเตียนป่วยเยอะๆ เพราะมันดูเหมือนว่า พระเจ้าที่พวกเขานับถืออยู่ไม่สามารถปลดปล่อยพวกคริสเตียนให้พ้นความบ่วยไข้
ได้ และพวกเขาเป็นแค่กองทัพคนป่วยที่รับไม่ได้
ผมเข้าใจว่าคริสตจักรที่มีคนป่วยคนพิการ
คนเส้นเลือดสมองแตก คนเป็นโรคประสาทคนเป็นโรคเก๊า พิการ โรคตับ โรคไต
โรคความดันเยอะๆ หากคริสตจักรเป็นแบบนี้ หากคิดจะไปประกาศการปลดปล่อยแก่ใคร ชาวบ้านเขาก็คงยิ้มให้แบบแห้งๆ
เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะคนของตนเองก็ป่วยใข้
เป็นโรคสารพันจนเกือบจะทั่วทั้งโบสถ์-
น่าอายไหม คริสเตียนป่วยไข้ พิการ
ไร้เรี่ยวแรง ถูกโรครุมเร้าอย่างมากมาย
เหมือนๆ กับชาวโลกที่ไม่เชื่อพระเจ้า คนทั้งสองพวกไปรับการรักษาจากโรงพยาบาลพอๆ
กัน
การ จะหาคริสตจักรในเมืองไทยที่ใช้ชื่อแบบฝรั่ง
เช่น Miracle .... Church (คริสตจักรที่หายโรคอย่างอัศจรรย์)
อาจจะหายากสักหน่อยเพราะ หลายแห่งกลายเป็นองค์กรทางศาสนาไปเป็นส่วนใหญ่ เป็นทั้งชื่อและเป็นทั้งการปฏิบัติ
คนที่อ้างชื่อว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้าหลายคนเปลี่ยนไปจากคนที่ถ่อมตน ตั้งใจรับใช้พระเจ้า
กลายเป็นข้าทาสนายเงิน ยอมขายวิญญาณเพื่อแลกกับยศถาบรรดาศักดิ์และความอยู่รอดของชีวิตและลูกเมีย
ถูกเงิน อำนาจ ชื่อเสียง คำนำหน้าชื่อ บังตา กลายเป็นเพียง เนื้อหนังที่อ่อนแรง ประคับประคองกันไปเป็นเดือนๆ
ปีๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวด้านการประกาศข่าวประเสริฐ การรวมกลุ่มอธิษฐานแทบไม่มี
หรือการจัดสัมมนาเรื่องของประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธฺ์ไม่ค่อยได้ยินเลย
ตั้งแต่ตั้งคริสตจักรมา เป็นเวลา เกือบร้อยกว่าปีหรือมากกว่า
องค์ความรู้เรื่องการใช้ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในการปลดปล่อย
การรับของประทานฝ่ายวิญญาณจิต ตามหนังสือ 1โครินธ์ บทที่ 12 และเอเฟซัสบทที่ 4 ในโรงเรียนพระคัมภีร์อาจจะมีน้อยมาก เพราะอาจมีแต่อาจารย์ที่ตกรุ่น
แต่คนสอนที่มีความรู้มากด้านความรู้ก็สอนๆ กันมา และคงจะสอนกันไปอีกนานแบบหย่อนๆ
ยานๆ ไปเรื่อยๆ ผลผลิตที่ออกมาบางส่วนจึงเป็นคริสเตียนที่โตไม่สมส่วน มีผลพระวิญญาณบ้างนิดหน่อย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลดปล่อยเขาให้ความเห็นว่า
อาจเป็นเพราะมีแมงบางอย่างแอบข้างใน - แต่คริสเตียนสายฟาริสีก็ไม่เชื่ออีกว่า ผีจะดลใจคนที่เป็นคริสเตียนได้อย่างไรเพราะเรามีพระเจ้าแล้วนี่นา?
ยิ่งร้ายไปกว่านี้อีก นักการศาสนาจำนวนมากเชื่อแบบฝังหัวว่าของประทานฝ่ายวิญญาณจิตไม่มีอีกต่อไป แล้ว หรือถ้ามีก็อยู่โบสถ์อื่น ของเราไม่มี เราไม่เคยประสบ จึงตัดสินว่า "หมดแล้ว"
การเชิญชวนให้ พิสูจน์ฤทธิ์เดชของพระเจ้า
ดูแล้วเหมือนเป็นการยกตนข่มท่านและผยอง บางคนเข้าใจว่าผู้เขียนเฟ้อเจ้อ
วิพากษ์วิจารณ์แรงๆ แบบนี้มันทำให้หลายคนที่เขาไม่ถึง หงุดหงิด ถ้าไม่ทำแบบนี้จะให้ทำอย่างไร
ท่านเอลียาห์ยังโหดกว่านี้อีก ท่านฆ่าพวกผู้พยากรณ์เท็จตายไปหลายร้อย การเขียนบ่นแค่นี้ ยังไม่ได้ฆ่าไม่ได้แกงใคร ชื่อก็ยังไม่บอกให้ชัดๆ ว่าเป็นใครบ้าง เพียงแต่อยากให้คนที่แพ้การพิสูจน์ต้อง ถ่อมใจและกลับใจใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง และพี่น้องคริสเตียนที่ติดตามเขาอีกมาก การถือว่าสิ่งที่ตัวเองไม่มี ไม่เคยมีประสบการณ์แล้วบอกว่า สิ่งนี้ สิ่งนั้นไม่มี มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริงๆ -น่าอายมาก
ซาโลมๆ อ่านแล้วอย่าเครียดนะครับ อันนี้คือความคิดเห็นส่วนกระแส ส่วนตัว
ขออภัยหากมีคำใดที่ทำให้เคือง ขอพระเจ้าอวยพร
อ่านตอนที่ 1
อ่านตอนที่ 2
ท่านเอลียาห์ยังโหดกว่านี้อีก ท่านฆ่าพวกผู้พยากรณ์เท็จตายไปหลายร้อย การเขียนบ่นแค่นี้ ยังไม่ได้ฆ่าไม่ได้แกงใคร ชื่อก็ยังไม่บอกให้ชัดๆ ว่าเป็นใครบ้าง เพียงแต่อยากให้คนที่แพ้การพิสูจน์ต้อง ถ่อมใจและกลับใจใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง และพี่น้องคริสเตียนที่ติดตามเขาอีกมาก การถือว่าสิ่งที่ตัวเองไม่มี ไม่เคยมีประสบการณ์แล้วบอกว่า สิ่งนี้ สิ่งนั้นไม่มี มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริงๆ -น่าอายมาก
ซาโลมๆ อ่านแล้วอย่าเครียดนะครับ อันนี้คือความคิดเห็นส่วนกระแส ส่วนตัว
ขออภัยหากมีคำใดที่ทำให้เคือง ขอพระเจ้าอวยพร
อ่านตอนที่ 1
อ่านตอนที่ 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)