การนมัสการตามบ้านของคริสตจักรบ้านแห่งหนึ่งใน จังหวัดพิษณุโลก
(ตอนที่สอง)การเติบโตในพระคริสต์นั้น เขาวัดกันที่ไหนล่ะ พรรษาการเชื่อพระเจ้า การไปโบสถ์เป็นประจำ ตำแหน่งทางศาสนาในโบสถ์ ความรู้ทางศาสนา และศาสนศักดิ์ทางศาสนาของอาจารย์หรือ
คงไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน ถ้าหากคนเหล่านั้นขาดสิ่งสำคัญในพระคริสต์คือ ระดับความเชื่อ ความรัก ผลของพระเจ้าในชีวิตคน การเอาชนะตัวเอง การครอบครองของประทานและ การมีภาระใจในการรับใช้ก็สามารถเป็นผู้รับใช้พระเจ้าได้ ถ้าเขาอุทิศถวายตัวให้พระเจ้า ยอมรับคำสอน ยอมอยู่ใต้การดูแล ยอมให้ผู้อาวุโสทางวิญญาณเป็นผู้สั่งสอน และสนับสนุนเขา เชื่อว่าเขาจะกลายเป็นสาวกมากกว่าการเป็นสมาชิกหรือนักการศาสนา
ระบบศาสนาได้สร้างข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ไว้มากมายในการอนุญาตให้ใครสักคนมาเป็นผู้นำความเชื่อ มาเป็นผู้ปลูกสร้างคริสตจักร การจำทำศาสนพิธี การให้บัพติสมา การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จะทำได้หรือไม่ได้ต้องได้รับฉันทานุมัติจากคณะกรรมการใหญ่ และต้องทำตามระเบียบของกลุ่มเท่านั้น ดังนั้น ระบบและข้อกำหนดทางศาสนาอาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการปลูกสร้างคริสตจักรเสียแล้ว
นอกจากเรื่องการสร้างคนให้เป็นผู้ทำการของพระเจ้าที่ต้องใช้เงิน และเวลาอย่างมากมายเพราะต้องเข้าเรียนในสถานศึกษาทางศาสนาเป็นเวลาอย่างน้อยสามปีครึ่ง ต้องจบมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงจะสามารถมีคุณสมบัติพื้นฐานในการเข้าเรียนในโรงเรียนศาสนศาสตร์
นอกจากเวลาในการสร้างคนให้เข้าสู่การรับใช้ในศาสนาที่ต้องใช้เวลายาวนานแล้ว แทนที่ผู้จบพระคริสต์ธรรมออกมาจะมีหัวใจเพื่อคนบาป ด้วยการออกไปเป็นเป็นผู้ปลูกสร้างคริสตจักรใหม่ๆ ออกเดินทางไปในตำบล หมู่บ้านที่ยังไม่มีใครไปประกาศปลูกสร้างคริสตจักร แต่พวกเขาจำนวนมากลับสนใจที่จะได้รับคำเชิญให้ไปเป็น ศิษยาภิบาลผู้ช่วยในสถานธรรมของศาสนาในโบสถ์อาคารที่มีผู้เชื่อมากอยู่แล้ว เพื่อการดำรงชีพที่สุขสภาพ
เพราะพวกเขาอยากเป็นนักการศาสนาอาชีพ ต้องการรับใช้พระเจ้าแบบสบายๆ สถานศึกษาพระคริสต์ธรรมส่วนใหญ่ไม่ได้สั่งสอน หรือแนะแนวทางอาชีพ หรือฝึกอาชีพให้พวกเขาเพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ ดังนั้นพวกเขาจึง ไม่มีความสามารถในการอาชีพใดๆ นอกจากการประกอบพิธีกรรมและสั่งสอนทางศาสนาเป็นหลัก
เมื่อนักการศาสนาได้รับตำแหน่งเล็กๆ ในโบสถ์อาคารใหญ่ เขาจะคาดหวังความก้าวหน้าและมั่นคงของชีวิตนักการศาสนาอาชีพ ด้วยการยอมทนต่อระบบ ระเบียบ และข้อปฏิบัติทางศาสนา แม้เขาจะอึดอัดบ้างในตอนแรก แต่ไม่นานก็เริ่มชิน และชาชิน เพื่อการไต่เต่าไปสู่ความก้าวหน้าทางศาสนา เพื่อตำแหน่งอันทรงเกียรติทางศาสนา
ขั้นแรกเขาจะได้การสถาปณาเป็นผู้นำหลักในโบสถ์อาคารก่อน คือได้ตำแหน่ง ได้ศาสนศักดิ์ ได้รับการรับรองให้เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในโบสถ์ก่อนและไต่เต่าไปสู่ การได้รับศาสนศักดิ์สูงขึ้น บรรดาศักดิ์ทางศาสนา (ตำแหน่งทางศาสนา) ที่สูงขึ้นและ เขาจะรอโอกาสดีกว่าที่จะก้าวไปสู่การเป็นตัวแทนทางศาสนาของภูมิภาค เพื่อเข้าไปเป็นสมาชิกสภาบริหาร และหากโชคดี ได้รับเลือกให้เป็นผู้มีอำนาจในองค์กร หากได้เป็นผู้นำองค์กร ก็จะได้ค่าตอบแทนและผลประโยชน์มากมายรออยู่ นี่คือความใฝ่ฝันทางศาสนาที่ผู้เชื่อพระคริสต์ส่วนหนึ่งใฝ่ฝัน
ดังนั้นการทึกทักเอาว่า ใครอยู่นานในศาสนาจะมีอาวุโสมากทางวิญญาณสูงจึงเป็นสิ่งน่าคิด เราจึงไม่สามารถจะวัดการเติบโตทางวิญญาณด้วยวุฒิการศึกษาจากสถาบันใดๆ ได้ ความเชื่อเรื่องความรู้ ศาสนศักดิ์ ผมที่งอกบนหัว อาจไม่สามารถรับประกันความอาวุโสทางวิญญาณได้ อันนี้คือมาตรฐานที่มนุษย์ในศาสนาตั้งขึ้นเท่านั้น
ในเมื่อคริสตจักรแบบอาคาร แบบระบบศาสนาไม่สามารถเป็นคำตอบให้สังคมไทย ไม่สามารถนำคนไทยมาถึงพระคริสต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปได้ไหมว่า เราจำเป็นต้องกลับไปสืบค้นดูว่า ในสมัยเริ่มแรกนั้น คริสตจักรแพร่หลายอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการใด แน่ที่เดียว หนึ่งในวิธีการที่เกิดผลคือ การก่อสร้างคริสตจักรในบ้านผู้เชื่อ
คริสตจักรบ้านเป็นคริสตจักรต้นทุนต่ำ การก่อตั้ง หรือปลูกสร้างคริสตจักรบ้านเริ่มแรกไม่ต้องลงทุนต้นทุนสูงในการริเริ่ม เพราะไม่เน้นการปลูกสร้างอาคารโบสถ์เพื่อใช้ในการนมัสการ เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จึงไม่ต้องมีการเรี่ยไรซื้อที่ดิน ไม่ต้องรอเรียนให้จบวิชามหาศาสนศาสตร์ ไม่ต้องถืออดอธิษฐานขอเงินจากพระเจ้าเพื่อสร้างตัวอาคารคริสตจักร
ผู้บุกเบิกปลูกสร้างคริสตจักร จึงไม่มีความจำเป็นต้องแต่งหนังสือขอบริจาค หาสปอนเซอร์ทำสัญญาช่วยเหลือการสร้างคริสตจักร ไม่ต้องร่อนจดหมายไปทั่วไทย หรือทำโครงการ ส่งจดหมายขอบริจาคไปไกลถึง เมืองฝรั่ง เกาหลี สิงค์โปร์ และจีน เพื่อขอเงิน เริ่ยไรหาเงินมาสร้างอาคารนมัสการ และเครื่องดนตรี อุปกรณ์ประกอบ เก้าอี้ยาว และสิ่งอื่นๆ สารพันที่ต้องใช้เงิน ใช้ทุนในการจัดซื้อ อีกทั้งต้องจัดหาค่าใช้จ่ายเรื่องค่าตอบแทนผู้รับใช้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเครื่องอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมาโดยไม่สามารถคาดเดาได้
ผู้เชื่อที่มีภาระใจ ผู้มีความเชื่อในพระเจ้า รู้จักสิทธิอำนาจของผู้เชื่อ ผู้ที่อุทิศถวายตัวในการรับใช้ หากได้รับการอบรมเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเป็นผู้ออกไปประกาศปลูกสร้างคริสตจักรบ้านได้ ผู้เชื่อหากได้รับการสถาปณาเป็นผู้นำ ได้รับการหนุนใจ มีความเชื่อก็สามารถที่จะออกไปประกาศปลูกสร้างคริสตจักรบ้านได้ สามารถเป็นผู้ประกอบพิธีบัพติสมา สั่งสอนผู้เชื่อใหม่ในทางของพระเจ้าได้
คริสตจักรบ้าน คือแนวคิด เป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญเป็นคำตอบสำหรับการปลดปล่อยคนบาปออกจากศาสนาผี การปกครองของวิญญาณ เป็นสิ่งที่จะสามารถทะลุทะลวงเข้าไป ในทุกพื้นที่ของไทย ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เพราะเป็นคริสตจักรที่ ลดต้นทุน แทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ไม่ต้องพึ่งพิงเงินนอก ไม่ต้องง้อนายทุน เงินนอก ไม่ต้องรอให้พร้อมทุกอย่างก่อนทำ ไม่ต้องส่งคนไปเรียนพระคัมภีร์ก่อนเพื่อให้ได้ใบปริญญาก่อน ขอเพียงแค่ "คุณมีใจ พระเจ้าจะมีวิธี"
คริสตจักรบ้านไม่ใช่ลัทธิเพี้ยน ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่กลุ่มที่เพิ่งเกิดขึ้นเพราะผู้เชื่ออยากเป็นใหญ่เป็นโตที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับกฎระเบียบทางศาสนา และกฎหมายของบ้านเมือง แต่คริสตจักรบ้านคือของเก่าที่ถูกลืม แท้จริงคริสตจักรบ้านคือคริสตจักรที่เป็นรูปแบบมาตั้งแต่ คริสตจักรเริ่มแรกแล้ว (Early Church) ขอเชิญชวนพี่น้องลองพิจารณาดูนะครับ ว่าคริสตจักรต้นทุนต่ำนี้จะเป็นคำตอบของการประกาศข่าวประเสริฐ เพื่อทำพระมหาบัญชาให้สำเร็จได้หรือไม่
เมื่อถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าใคร่ขอเสนอให้ท่านผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายได้ลองทบทวนดูหน่อยได้ไหมว่า ระบบที่มีอยู่มันเป็นอุปสรรคต่อการขยายแผ่นดินของพระเจ้า หรือไม่
มีวิธีอื่นที่ดีกว่าการปลูกสร้างคริสตจักรแบบอาคาร ต้องมีนักการศาสนาอาชีพ ที่อาศัยการเลี้ยงดูจาก ทุนนอก จากระบบศาสนาเพื่อให้เขาสืบทอดศาสนาอีกหรือไม่ หรือว่า หากเปลี่ยนระบบเก่าไม่ได้ ก็ขอเปิดใจสร้างผู้นำรุ่นใหม่ๆ และส่งเสริมให้เขาออกไปปลูกสร้างคริสตจักรใหม่ๆ ด้วยการให้เขาได้ปกครองตนเอง ส่งเสริมให้เขาก้าวออกไปสู่การเป็นสาวกที่ ไม่ต้องมีกฏระเบียบหยุมหยิมคอยหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ใครออกไปไหนไกลได้ไหม
เพราะการปลูกสร้างคริสตจักรแบบอาคารต้องใช้ทุนสูง ต้องอาศัยนักการศาสนามืออาชีพที่ไม่สามารถดูแลการเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัว เมื่อได้เป็นผู้นำก็จะสร้างแต่สมาชิกสมบูรณ์เพื่อความมั่นคงขององค์กร และตัวเองไปเรื่อยๆ
การจะปลูกสร้างคริสตจักร ต้องใช้ทรัพยากรมากจนเกินกำลังของระบบศาสนา แล้วคริสตจักรไทยจะทำพระมหาบัญชาให้สำเร็จได้อย่างไร ถ้าคริสตจักรไม่ปรับปรุงยุทธวิธี ไม่ยอมรับวิธีการที่หลากหลาย และเปิดใจปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกสร้างคริสตจักรกลับไปสู่แบบดั่งเดิม
ขอพระเจ้าอวยพระพรให้เจริญขึ้นในความเชื่อ การอุทิศตน และการเกิดผลในพระคริสต์
@ Rice Mu
August 7, 2013
A message from `Rice mu:
All right reserved:
ตอนที่ 1
ตอนที่ 2
บทความเกี่ยวข้อง
ข้อคิดการสร้างสาวก
HOME กลับไปหน้าแรก
Tag: การพัฒนาคริสตจักร + วิธีการเทศนา +การปลูกสร้างคริสตจักร+ การสร้างสาวก + วิธีการสร้างสาวก+ การเป็นผู้นำอนุชน+ การจัดการคริสตจักร+การบริหารคริสตจักร+ สหกิจคริสเตียน+ องค์กรคริสเตียนในประเทศไทย+ การนำนมัสการ+ เคล็ดลับในการเติบโตกับพระเจ้า
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบพอดีไปเห็นคำอธิษฐานของนักการศาสนาอาชีพ เขาคิดแบบนี้จริงๆ
ตอบลบความฝัน และนิมิตคจ.
-อยากได้ นักธุรกิจ ร่วมรับใช้ดูแลคจ.สักหนึ่งครอบครัว
-อยากได้ทีม นมัสการเต็มวง พร้อมเครื่องดนตรี เครืองเสียง สัก หนึ่งชุด
-อยากได้ผู้ช่วยติดตามผลที่พร้อมลุย ไม่เกี้ยงงาน สัก หนึ่งคน
-อยากได้มิชชั่นนารี ที่พร้อมสร้างสาวก ที่รักคนไทยพร้อมใจเดินร่วมกับผู้รับใช้ไทยสักหนึ่งครอบครัว
-อยากได้ สมาชิกที่ไม่ขาดเรียนพระคัมภีร์รอบบ่าย สัก หนึ่งปี
-อยากได้มีงบ ค่าเช่า และในการรับใช้อย่างพอเพียงในแต่ละ หนึ่งเดือน
นี่เป็นคำอธิษฐานของเรา ตลอดหนึ่งปี และยังคงฝัน และมีนิมิตทีจะเห็น คนจนได้รับการช่วยกู้ เด็กด้อยโอกาส มีโอกาส เด็กเสี่ยงติดเกมส์ เลิกและมีกิจกรรมดีๆ จากคจ.เด็กที่จะมีกำลังพอในการดูแลพวกเขา
ขอให้เป็นไปตาม พระวจนะ ฟป. 4:6-7 "อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการ อธิษฐาน การวิงวอนกับการขอบพระคุณ....แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์.อาเมน.
น่าเห็นใจครับ มืออาชีพจริงๆ