Some advices to gain the Spiritual Gifts(4-จบ)ทำอย่างไรให้มีของประทานฝ่ายวิญญาณ

The First Holy Spirit Baptism on the first apostles

ความตอนที่แล้ว (ตอนที่ 1-2-3-ดูลิงค์ด้านล่าง) ผมได้เล่าเกี่ยวกับความจำเป็นในการรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์มาพอสังเขป

ในบันทึกหนังสือกิจการมีการกล่าวถึงการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ไว้หลายตอน และเครื่องหมายที่สำคัญที่บ่งบอกว่าคนใดๆ ได้รับการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์คือ การพูดภาษาอื่นๆ ที่ตนเขาเองไม่เคยเรียน ไม่เคยไปหัดพูดมาก่อนแล้วพูดถ้อยคำออกมา ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ หรือบางคนอาจเข้าใจแต่ต้องเป็นการแปลความหมาย ไม่ได้เข้าใจจากคำพูดที่พูด หรือเสียงที่เปล่งออกมาด้วยอาการกระดกของลิ้น หรือเป็นการพูดถ้อยคำออกมาจากริมฝีปาก

มาถึงวันนี้ผมเริ่มหายสงสัยแล้วว่า ทำไมคริสเตียนแต่ละพรรค ถึงได้มีความเชื่อและการปฏิบัติที่แตกต่างกันมากเหลือเกิน



ชาวคริสต์บางพวกเน้นพิธีกรรม โดยใส่ใจ "สาระเรื่องฤทธิ์เดชที่ตนเองพึ่งมีพึ่งได้เพียงเล็กน้อย" บางพวกใส่ใจแต่สาระแต่ไม่สนใจองค์ประกอบของพิธีกรรม  บางพวกเน้นการบัพติสมาด้วยการเอาน้ำแตะๆ หน้าผาก แท้จริงการบัพติสมาแบบนี้ไม่ได้ผิดจากหลักคำสอนของมาติน ลูเธอร์  จาดหนังสือที่ท่านเขียนไว้ ในหนังสือชื่อว่า "คำสอนคริสเตียน ฉบับย่อ"  แต่ในหนังสือนี้ท่านได้กล่าวถึงการให้บัพติสมาแบบนี้ว่า "ในกรณีเร่งด่วน"  คำว่าเร่งด่วนนี้  อาจแปลความหมายได้ว่า  ผู้รับป่วยหนัก ใกล้ตาย ลงน้ำไม่ได้  หรือถุกจำกัดด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สามารถแสดงตัวได้เนื่องจากจะถูกกำจัด หรืออะไรต่างๆ 

บางกลุ่มบางพวกให้บัพติสมาแก่เด็กทารกด้วย (Read article-click)  ผมเข้าใจว่าพวกเขาคงกลัวว่าหากเด็กแรกเกิดตายไป  เด็กแรกเกิดจะไม่รอด ไม่ได้ไปสวรรค์ หากเด็กน้อยเกิดตายไปก่อนที่สมองจะเข้าใจว่า พระเจ้าคืออะไร พระเยซูคือใคร  หากตายไปก่อนที่จะโต วิญญาณของทารกจะไม่ได้ไปอยู่เมืองแห่งความสุข ซึ่งคริสเตียนเรียกมันว่า "เมืองบรมสุขเกษม" คือเมืองที่วิญญาณพบแต่ความสุข ไม่มีทุกร้อนใดๆ เพราะ บรมแปลว่า สุดยอด หรือ เลิศ  เกษมแปลว่า "ยินดี, สุข" ภาษาเหนือแปลว่า "ม้วนขนาด"  ภาษาอีสานบอกว่า "คึกคักหลาย" คริสเตียนบางกลุ่มจึงให้รับบัพติสมาเด็กทารกด้วย เออ เข้าท่าดีนะครับ  จะผิดถูกผมไม่มีหน้าที่มาตัดสินครับ

ในเรื่องการบัพติสมานี้หลายกลุ่มก็มี "ความเห็น" แตกต่างกันไปครับ  บางพวกเมื่อเห็นปรากฎการณ์ที่เป็นสิ่งใหม่สำหรับพวกเขาเช่น  การพูดภาษาแปลก  การเห็นคนหายโรค  เห็นการขับผี   แทนที่พวกเขาจะพยายามวิ่งเข้าใส่ พยายามแสวงหาของประทานบ้าง แต่คนบางคนกลับสบัดลิ้นเหม็นๆ เข้าใส่ กล่าวหาว่าการรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นพฤติการณ์ของลัทธิเทียมเท็จ ลัทธินอกรีต โดยพูดว่า "ไม่มีในพระคัมภีร์"  คนที่อ้างแบบนี้ ถ้ามีคนเชื่อถือ ก็แสดงว่าทั้งคนพูดและคนที่เชื่อ "โง่พอๆ กัน" ครับ ผมขอใช้คำนี้เลย แรงนะ  เพราะว่ามันมีแน่ๆ ครับมีเยอะด้วย  คนที่พูดนี้คือพวกรู้ไม่จริง หรืออาจเป็นพวกแมงมืดสอนให้พูด  เพราะว่าสิ่งนี้มีแน่นอนครับ คนที่บอกว่า การบัพติสมาด้วยพระวิญญาณไม่มี  คือคนตายบอดอย่างแท้จริงครับ เป็นพวกตาบอดจูงมือคนตาบอด เรื่องนี้ผมกล้าฟันธงเลย

แต่ในเรื่องอื่นๆ ไม่ปรากฎชัดเจนในพระคัมภีร์ กลับชอบนำเอามาทำ เอามาสอน เอามาปฎิบัติ เอามาเล่น  อย่างเรื่อง การบัพติสมาเอาน้ำทาหน้าผาก ขนาดมีในพระคัมภีร์เห็นชัดๆ ว่าพระเยซูลงจุ่มในแม่น้ำจอแดน  นักการศาสนาบางคนยังทำเป็นอีกแบบ อย่างพิธีสวดระลึกคนตาย 100 วันไม่มีในพระคัมภีร์  พิธีไปคารวะศพ พิธีลงเสาเอก พิธีชำระสุสาน  พิธีระลึกวันคล้ายวันเกิดหรือวันตายของคนสำคัญต่างๆ ไม่ปรากฎชัดว่าทำไปเพื่อให้พระเยซูคริสต์ได้รับเกียรติ หรือถ้าได้รับเกียรติแต่ไม่ได้เป็นคำสั่ง หรือบัญญัติไว้ในพระคัมภีร์แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสต์ยังปฏิบัติพิธีกรรมแบบนี้เรื่อยมา

ที่น่าสังเวชใจคือเรื่องการบัพติสมาเด็กนี้แหละ ผมก็อ่านพระคัมภีร์มาหลายปี (ผมไม่กล้าบอกว่าผมอ่านพระคัมภีร์จบเล่ม-เพราะคนที่อ้างว่าอ่านจบหลายเที่ยวแต่ก็ไม่เข้าใจอย่างถ้วนถี่อยู่แล้ว) ผมก็ยังไม่เห็นว่ามีตอนไหนที่พระเยซูหรือยอห์นให้บัพติสมาแก่เด็กทารกแรกเกิด  คนที่ชอบอ้างคำว่า "ไม่มีในพระคัมภีร์" กลับนำพิธีกรรมแบบนี้มาทำเฉยเลย ทำแบบไม่หายฟ้าดินเลย  อ้างว่า "นี่คือธรรมเนียมของเรา" โดยการหาหลัก
ศาสนศาสตร์ต่างๆ มาอ้างสนับสนุนการปฏิบัติกิจของตน ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่แปลกอะไร ตัวใครก็ตัวใคร พรรคใครก็พรรคมัน ใครอยากทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าพยายามทับถมสิ่งที่มาจากพระเจ้า เมื่อตัวเองมองแล้วไม่เข้าใจ  ตัวเองไม่มี ตัวเองไม่เคยรับประสบการณ์ กลัว ไม่เคยศึกษา แล้วกล่าวหาว่ามาจากมาร  ถ้าไม่พูดกล่าวหากันก็จะน่าจะดีกว่านี้แน่นอน

พระเยซูเคยบอกว่าอย่างนี้ครับ
เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้   
ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์
มาตู่ว่าเป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า   

พระธรรม มาระโก 7:7

วกเข้ามาเรื่องการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้ากันดีกว่า

การรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณ มีเครื่องหมายสำคัญคือการพูดภาษาอื่นๆ โดยใช้ลิ้น ในที่นี้ผมขอย้ำชัดๆ ว่า การพูดภาษาแปลกๆ หรือภาษาอื่นใดที่ตนเองไม่เคยพูดมานี้ ไม่ใช่การไปหัดพูดตามเขามานะครับ ถ้าเป็นการรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณ การพูดถ้อยคำออกมา เราจะไม่สามารถเข้าใจได้ และบ่อยครั้งผมสังเกตว่า คนที่ได้รับในครั้งแรกๆ จะไม่สามารถควบคุมลิ้นของตนเองได้ครับ บางคนไม่สามารถควบคุมลิ้น ยังไม่พอ ยังไม่สามารถควบคุมระดับเสียงได้ด้วย  การพูดจะพูดออกมาแบบเป็นชุดๆ  บางคนอาจพูดภาษาเป็นเวลาหลายนาที บางคนเป็นชั่วโมง  บางคนหยุดเป็นพักๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง  บางคนอาจพูดไมหยุดเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน บางคนรับการเจิมจนลุกไม่ค่อยขึ้น หรือเพลียไปหมดเลย

สิ่งเหล่านี้หากเกิดขึ้นกับคุณอย่าตกใจ จงชื่นใจเถิดนี่คือประสบการณ์อันสุดยอดอย่างหนึ่งของการเป็นคริสเตียนที่จะเดินไปพระเจ้าด้วย สิทธิอำนาจ และมีชัยชนะเหนือมารซาตาน และโรคภัยไข้เจ็บทั้งมวล การพูดภาษาอื่นๆ นี้เป็นประตูไปสู่ความสามารถพิเศษด้านวิญญาณอีกหลายอย่างที่จะตามมาสู่คุณ

บางคนสามารถพูดภาษาอื่นๆ ได้ทุกครั้งที่เข้าสู่การอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณกับพระเจ้า บางคนพูดและรับการเจิมจนตัวเองหมดแรงไปเลย  คนไม่มีประสบการณ์ด้านนี้อาจตกใจ บางคนให้คนพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลย แต่สำหรับคนที่มีความรู้ คนมีประสบการณ์ปรากฎการณ์ด้านนี้ นี่คือสิ่งสุดยอดสำหรับ คริสเตียนคนใดๆ ที่ได้รับอย่างแน่นอนครับ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ พระเจ้าย่อมให้ของดีของลูกของพระองค์

เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์”
(พระธรรมลูกา 11:13)

สิ่งที่ผมยกมาพูดนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่าจากหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาเขียนกันมาเมื่อสองพันปีนี้เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ผมได้พบกับคนจริงๆ หลายๆ คนที่เคยได้รับประสบการณ์จากการอธิษฐานในการปลดปล่อย หรือในคราวที่เราออกไปปรนนิบัติพี่น้องเราได้เห็นว่า คนที่ได้รับประสบการณ์พูดภาษาอื่นๆ นี้ ตอนแรกเขาอาจไม่สามารถควบคุมการกระดกของลิ้นได้  และพวกเขาจะเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง อีกระดับหนึ่งของการอธิษฐาน คือพวกเขาได้อนุญาตให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้อธิษฐานแทนความคิดของพวกเขา หรืออีกนัยหนึ่งคนเหล่านี้กำลังเข้าสู่การอธิษฐานระดับลึก ฝ่ายวิญญาณ พวกเขากำลังอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณ ต่อพระเจ้า ด้วยพระนามพระเยซู  (การพูดภาษาอื่นๆ วิญญาณชั่วหรือวิญญาณอื่นก็สามารถทำได้ แต่ไม่ใช่มาจากการเจิมในพระนามพระเยซ ชาวนาซาเร็ธอย่างแน่นอน)

ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ 
พระธรรม โรม 8.26

ในการเข้ารับการอบรมหลักสูตรการปลดปล่อยที่ผู้เขียนบล๊อคแห่งนี้ได้เรียนรู้มาจากอาจารย์ที่เป็นชาวต่างประเทศ เราได้สังเกตว่า แท้จริงหลักสูตรนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่อะไรเลย แต่โบสถ์คริสต์ในเมืองไทย ส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักเท่านั้น ตอนนี้เราสังเกตว่ามีโบสถ์หลายแห่งในกรุงเทพ และจังหวัดใหญ่ๆ  เอาหลักการปลดปล่อยมาใช้ ทำให้คริสเตียนหลายคนเกิดการทะลุทะลวงด้วยความเชื่อ สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะ ไม่เป็นทาสบาป ทาสนิสัยเลวๆ อีกต่อไป แต่ได้เข้าสู่ฤทธิ์อำนาจของพระเยซู  สามารถใช้ฤทธิ์อำนาจที่มองไม่เห็นของพระเจ้าในการอธิษฐาน  ได้รับของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  ออกไปเป็นพยานนำคนมาสู่ความรอดอย่างมีประสิทธิภาพ  โบสถ์หลายแห่งเรียกหลักสูตรหรือการอบรมนี้ต่างๆ กันไปเช่น อินเนอร์เฮียลลิ่ง (Inner healing) การปลดปลอ่ย (Deliverance) สู่เสรีภาพ (Freedom in Christ or Be in health) เอนเคาร์เตอร์ (Encounter with Christ)  ฯลฯ

ไม่ว่าจะเรียกชื่อการอบรมแบบนี้ว่าอย่างไรก็ตาม แต่จุดประสงค์สำคัญของการอบรมลักษณะนี้ ผู้จัดเขามุ่งแนะนำให้คนที่เข้ารับการอบรมไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่เป็นคริสต์ หรือไม่นับถืออะไรเลย ได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตน และได้รับอิสระภาพโดยการปลดปล่อยด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จากอิทธิพลของ สิ่งที่ชาวพุทธเรียกว่ามัน "เวรกรรม, บาปกรรม, หรือ กรรมเก่า" สิ่งที่ผมเห็นมากกว่าการหลุดพ้นจากเวรกรรม กรรมเก่า หรือคำแช่งสาปเหล่านี้ คือ การได้รับความรอด  การหายโรค การได้รับการปลดปล่อยจากอิทธิของจิตเลวๆ ต่างๆ ที่อยู่ในสมอง ในความคิด ในใจของคน  กลายเป็นคนที่มีความสุข มีสุขภาพดี

สำหรับการอบรมการปลดปล่อยที่ทีมของเราทำอยู่  ในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยอย่างหมดจด หรือเมื่อเราคิดว่า ปลอดภัยแล้ว เรามักจะเห็นว่า คนส่วนใหญ่ที่เข้ารับการอบรม ได้รับสิ่งที่เขาเรียกว่า การบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์  ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ และเกินความเข้าใจของเราจริงๆว่า ทำไมคนเหล่านี้จึงได้รับสิ่งที่ประเสริฐที่สุด และเป็นของสูงที่สุดเท่าที่มนุษย์ชาติจะได้รับจากพระเจ้า นั่นคือ การรับฤทธิ์เดช และของประทานแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ คนเหล่านี้จะเข้าใจพระคัมภีร์ได้ง่ายขึ้น พวกเขาสามารถอธิษฐานเผื่อคนอื่นๆ ได้เป็นชั่วโมงๆ พวกเขาสามารถเป็นพยานที่เกิดผล มีชีวิตที่มีสันติสุขในพระเจ้าอย่างแท้จริง ไม่ต้องแกล้งเป็นคริสเตียนที่ดีอีกต่อไป

หลักการที่จะช่วยให้ผู้ที่แสวงหาการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผมขอนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางพอสังเขปได้ ดังนี้ คือ

ก. กลับใจจากการบาป นิสัยบาป ความผิดบาปทุกชนิด  รับรู้บาปของตนว่ามีอยู่ และต้องการเป็นอิสระจากอำนาจของนิสัยบาป การบาป และการทำผิดที่เคยทำ หรือยังทำอยู่ทุกชนิด ทุกวาระ และทุกกรณี

ข. สารภาพความผิดบาปทุกชนิด ยอมกล่าวเลิกนิสัยบาป การละเมิด การล่วงเกินตนเอง หรือผู้อื่น หรือพระเจ้า

ค. เข้ารับการอบรม หรือพยายามศึกษาความเข้าใจเกี่ยวกับ การบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

ง. ถ่อมใจ มีความปรารถนาของประทานแห่งฤทธิ์เดช ด้วยความจริงใจ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์  ไม่ใช่เป็นการแสวงหาเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าตนเองก็เคยได้รับ หรือตนเองก็มีเหมือนคนอื่นๆ เขา

จ. อาจอธิษฐานขอรับเอง จากองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ด้วยการพูดออกปากด้วยตนเอง

ฉ. ในหลายกรณีเราพบว่า การให้ผู้ที่มีการเจิมของพระเจ้าอธิษฐานวางมือให้  จะได้รับง่ายกว่าการไปอธิษฐานแสวงหาเองที่บ้านหรือ ในห้องส่วนตัว ในการรับการเทพระวิญญาณครั้งแรก

ช. เมื่อได้รับแล้ว เริ่มเข้าสู่การฝึกวินัยฝ่ายวิญญาณ อย่างสม่ำเสมอ มีความสัมพันธ์ที่คงเส้นคงวา กับพี่น้องคริสเตียน  เข้าร่วมสามัคคีธรรม อธิษฐาน ท่องพระคัมภีร์  มีวินัยในการฝึกจิตเป็นประจำสัปดาห์  อาจมีการถืออดเป็นกิจวัตรทุกๆ สัปดาห์ หรือ ทุกเดือน หรือ ทุกๆ ปี

ซ. ก้าวออกไปสู่สังคมรอบตัวเรา ด้วยการเป็นพยาน อธิษฐานอวยพรคนป่วย คนเจ็บ คนที่มีปัญหา

ฌ. รับการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ รับการเจิมอยู่เนืองๆ ไม่ยะโส แต่ถ่อมใจรับการอธิษฐานเผื่อ

ญ. สร้างเครือข่ายการอธิษฐาน การอธิษฐานวิงวอน สร้างทีมผู้ประกาศเผยแพร่ หรือเข้าร่วมกับทีมที่มีภาระใจในการประกาศ ในการใช้ของประทาน แสวงหาการทรงนำของพระเจ้าจนกลายเป็นชีวิตประจำวัน


ข้อพระธรรมสนับสนุน และหนุนใจ

ยอห์นจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “เราให้เจ้ารับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่จะมีพระองค์หนึ่งเสด็จมาทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก   ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะแก้สายฉลองพระบาทของพระองค์
พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมา

ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ 


พระธรรม ลูกา 3.16

เปโตรกับยอห์นจึงวางมือบนเขา แล้วเขาทั้งหลายก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ 
กิจการของอัครทูต 8:17

แล้วอานาเนียก็ไป   และเข้าไปในตึกวางมือบนเซาโล กล่าวว่า “พี่เซาโลเอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระเยซูได้ทรงปรากฏแก่ท่านกลางทางที่ท่านมานั้น ได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามา เพื่อท่านจะเห็นได้อีกและเพื่อท่านจะได้  รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มบริบูรณ์” 
กิจการของอัครทูต 9:17:

เมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาแปลกๆและได้ทำนายด้วย 
กิจการของอัครทูต 19:6:

แท้จริงการวางมือ การชำระ  การรับบัพติสมา เป็นเพียงหลักการเบื้องต้นของผู้เชื่อเท่านั้น
1. เหตุฉะนั้นขอให้เราผ่านหลักธรรมเบื้องต้นแห่งคริสตศาสนาไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ไม่วางรากฐานซ้ำอีกคือเรื่องการกลับใจจากการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย   เรื่องความเชื่อในพระเจ้า 

2. และคำสอนว่าด้วยพิธีล้างชำระ และพิธีวางมือ และการเป็นขึ้นมาจากตาย และการพิพากษาลงโทษเป็นนิตย์นั้น 

3. ถ้าพระเจ้าจะทรงโปรดอนุญาต เราก็จะได้ก้าวหน้าไปอย่างนี้ 

4. เพราะว่าคนเหล่านั้นที่ได้รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว และได้รู้รสของประทานจากสวรรค์ ได้มีส่วนในพระวิญญาณบริสุทธิ์

 5. และได้ชิมความดีงามแห่งพระวจนะของพระเจ้าและฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะถึงนั้น 6ถ้าเขาเหล่านั้นได้ชิมแล้วหลงไป ก็เหลือวิสัยที่จะนำเขามาสู่การกลับใจอีกได้ เพราะตัวเขาเองได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าเสียแล้วและทำให้พระองค์ทรงรับการดูหมิ่นเยาะเย้ย

ขอพระเจ้าอวยพระพรผู้อ่านที่มีความปรารถนาที่จะเต็มล้นไปด้วยการพระสิริของพระเจ้าในชีวิตของท่าน

Shalom and Amen

ดูบทความตอนที่ 1 คลิก

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10/10/2554

    ขออนุญาตินำไปแบ่งปันนะครับ

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)